Search Results | TheCollectiveStudio
top of page

Search Results

271 items found for ""

  • THE COLLECTIVE รับออกแบบตกแต่งภายในที่มุ่งสร้างสรรค์ผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด

    มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการออกแบบและรับออกแบบตกแต่งภายใน กับ THE COLLECTIVE ในโลกแห่งการออกแบบที่เกิดการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง THE COLLECTIVE คือ บริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับทุกธุรกิจและทุกอุตสาหกรรมในการก้าวข้ามข้อจำกัดในการรับออกแบบตกแต่งภายในแบบดั้งเดิม เริ่มต้นเดินทางบนเส้นทางการออกแบบใหม่ๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความแตกต่าง และความเป็นเลิศไปพร้อมๆกัน โดย THE COLLECTIVE มีพันธกิจสำคัญที่จะผสมผสานทุกสาขาวิชาของการออกแบบและรับออกแบบตกแต่งภายใน ร่วมกับการส่งมอบความคิดสร้างสรรค์ในระดับมืออาชีพ เพื่อเป้าหมายในการเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในขอบเขตของการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง THE COLLECTIVE กับโซลูชันรับออกแบบตกแต่งภายในและบริการต่าง ๆ แบบครบวงจร หัวใจสำคัญของการดำเนินงานที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE คือ คำมั่นสัญญาในการเป็น “One Stop Service Design Solutions” ที่พร้อมทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแบบครบวงจร การให้บริการออกแบบตกแต่งภายในที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนโครงการ การออกแบบรายละเอียด การบริหารงานก่อสร้าง และการตกแต่ง รวมไปถึงบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การเลือกซื้ออุปกรณ์ตกแต่งภายใน และบริการหลังการขาย เพื่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการออกแบบตกแต่งภายในและการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างสร้างสรรค์ ร่วมกับการทำให้ผลงานรับออกแบบตกแต่งภายในสามารถผสานรวมความคิดสร้างสรรค์และฟังก์ชันการทำงานได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ออฟฟิศ นิทรรศการ Showroom Design รวมถึงที่พักอาศัยทุกประเภท ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าประทับใจมากที่สุด THE COLLECTIVE กับค่านิยมและพันธกิจในการรับออกแบบตกแต่งภายใน เราไม่ได้เป็นเพียงบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่ให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทุกแง่มุมของการออกแบบ เพื่อการก้าวข้ามขีดจำกัดของการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายในในระดับมืออาชีพ ที่ไม่เพียงแต่จะสามารถช่วยตอบสนองกับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวเท่านั้น แต่ในทุกผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นยังจะต้องสร้างความประทับใจและความโดดเด่นได้อย่างเกินความคาดหมาย แต่ที่ THE COLLECTIVE เรายังเป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและรับออกแบบตกแต่งภายในที่พร้อมจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด บนพื้นฐานของการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับทุกศาสตร์ของการออกแบบในระดับมืออาชีพ เพื่อการก้าวข้ามผ่านแนวทางเดิม ๆ แล้วมุ่งสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการออกแบบและการรับออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE STUDIO กับวิสัยทัศน์และการวางตำแหน่งในอุตสาหกรรมการรับออกแบบตกแต่งภายใน เราต้องการเป็นผู้บุกเบิกในโลกแห่งการออกแบบและรับออกแบบตกแต่งภายใน ในฐานะบริษัทออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านของการรีโนเวทสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน และกลยุทธ์ด้านแบรนด์แบบครบวงจร ที่พร้อมตอบรับสำหรับทุกความต้องการโดยทีมงานมืออาชีพของเราที่พร้อมนำเสนอโซลูชันในการออกแบบที่จะช่วยให้ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ในการออกแบบสถาปัตยกรรมและการรับออกแบบตกแต่งภายในในแต่ละโครงการจะมาพร้อมด้วยสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณค่า โดดเด่น และสะท้อนเอกลักษณ์ของธุรกิจออกมาได้อย่างดีที่สุด ทำไมต้องบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE THE COLLECTIVE เป็นบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน และสถาปัตยกรรมที่เข้าใจในความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมแต่ละประเภท และมีแนวคิดในการนำเสนอทางเลือกที่สร้างสรรค์ในการออกแบบอย่างเต็มที่ เพื่อการสร้างคุณค่าและผลงานการออกแบบที่มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ภายใต้พื้นฐานของการยึดมั่นในการทำงานด้วยความโปร่งใสและความเป็นมืออาชีพเป็นสำคัญ พร้อมกันนี้ บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE ยังได้รับรางวัลในการออกแบบมากมายที่สามารถเน้นย้ำถึงการได้รับการยอมรับในความเป็นเลิศของบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน เพื่อเป็นการช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญของเราสามารถมั่นใจได้ถึงความกล้าหาญในการนำเสนอผลงานที่โดดเด่น พร้อมด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ตลอดจนการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การทำผลงานที่มีคุณค่า โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ ที่สามารถพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ THE COLLECTIVE ในการสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบได้อย่างแท้จริง 2020-2021 Asia Pacific Property Awards : Award Winner / Spore Bangkok Office 2019 German Design Award Special : NT Motorsport [Kawasaki] 2019 LUX Life : Leading Designer Awards 2018 BCI Asia IDA : Merit [Hospitality] / Sri Ayutthaya Hotel 2018-2019 Asia Pacific Property Awards : Award Winner / NT Motorsport [Kawasaki] โดยในปัจจุบัน การเดินทางของบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การทำความเข้าใจและการให้ความสำคัญกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ SME โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก โชว์รูม หรือกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาผู้ให้บริการรับออกแบบตกแต่งภายในสำนักงานและที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่เรายังมีการพัฒนาความสามารถของตนเองอย่างไม่หยุดยั้งผ่านการให้ความสำคัญกับแนวทางการออกแบบที่ผนวกรวมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ความเป็นเลิศ และผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้วิสัยทัศน์ของการเป็นบริษัทรับออกแบบสถาปัตยกรรมและรับออกแบบตกแต่งภายในที่จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานในการออกแบบขึ้นใหม่อย่างสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการด้วยโซลูชันการออกแบบที่หลากหลาย หรือต้องการมองหาผู้ช่วยที่สามารถกำหนดนิยามใหม่ของพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงานของคุณให้มีความสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานมากยิ่งขึ้น THE COLLECTIVE พร้อมพาคุณไปร่วมสัมผัสกับความเป็นไปได้ในการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด เพราะเราคือบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบและการผลิต ทั้งงานสถาปัตยกรรม รับออกแบบตกแต่งภายใน อินทีเรียดีไซน์ กราฟิก และกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบครบวงจร โดยทีมงาน สถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ และการรับออกแบบตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูง โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ติดต่อ The Collective บริษัทออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • ตกแต่งห้องแคบให้ดูกว้างขึ้นได้ง่ายๆ ด้วย 7 เทคนิคนี้

    “ปัญหาห้องแคบ” ถือเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตภายในห้องมาก โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัด เช่น อพาร์ทเมนท์, คอนโดหรือบ้านขนาดเล็ก แต่รู้หรือไม่ ปัญหาห้องแคบ ไม่ได้เกิดจากขนาดของพื้นที่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นเรื่องของการตกแต่งที่คุณอาจคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน เรามาดูเคล็ดลับการตกแต่งห้องที่แคบยังไงให้ดูกว้างขึ้นกันดีกว่า 1.พิจารณาเลือกซื้อของใช้ตกแต่งห้องก่อนการตัดสินใจซื้อ แค่เลือกซื้อของตกแต่งห้องให้ถูกวิธีก็สามารถทำความแคบของห้องให้ดูกว้างขึ้นได้ เช่น การเลือกติดศิลปะภาพขนาดใหญ่ไว้กลางห้องแทนการติดภาพขนาดเล็กไว้ทั่วบ้าน, การเลือกวัสดุตกแต่งที่มีขนาดใหญ่, การวางแจกันบนชั้นวางระหว่างหลังคาหรือโต๊ะกาแฟ เพื่อเป็นการสร้างจุดสนใจและทำให้ห้องดูใหญ่มากขึ้น 2.สร้างความลึกของห้องด้วยสี การเลือกใช้สีก็เป็นอีกนึ่งปัจจัยที่ยากต่อการตัดสินใจ บางคนเลือกจากความชอบ บางคนเลือกจากความเหมาะสม แต่สำหรับห้องแคบนั้น สีที่จะทำให้ห้องดูกว้างและใหญ่มากขึ้น คือ เนื้อสี neutral เช่น เบจหรือขาว นอกจากนี้ กลยุทธ์การสร้างความลึกในห้องโดยการใช้สีที่เข้มและใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีอ่อนเพื่อสร้างความแตกต่างชัดเจนนี้ยัง เป็นการสร้างความลึก ทำให้ห้องดูมีเสน่ห์และมี movement มากขึ้น 3.ใช้วอลเปเปอร์และสติกเกอร์ในการตกแต่ง ปัจจุบันเราจะเห็นคนนิยมเลือกใช้วอลเปเปอร์หรือสติ๊กเกอร์ตกแต่งผนังแทนการทาสีมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะวอลเปเปอร์นั้น มีลายให้เลือกเยอะและมีราคาถูก ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับห้องที่มีพื้นที่แคบ การใช้วอลเปเปอร์หรือสติ๊กเกอร์ตกแต่งผนังที่ติดตั้งโดยให้รูปแบบของวอลเปเปอร์ขยายออกจากผนังหนึ่งไปสู่อีก ผนังที่ติดกัน สามารถลวงตาคนดูให้เห็นเป็นพื้นผิวต่อเนื่องและสร้างความรู้สึกของห้องให้มีความลื่นไหลมากขึ้น 4.เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้แมทช์กับสีผนังห้อง แม้การทาสีหรือติดวอลเปเปอร์จะเป็นที่นิยม แต่สำหรับบางท่านไม่อาจทำได้ เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น พักอาศัยอยู่ในห้องเช่า มีงบประมาณจำกัดในการปรับปรุง หรือกลัวคราบกาววอลเปเปอร์ทิ้งรอยไว้บนฝาผนัง เพราะฉะนั้น ทางเลือกที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาปัจจัยเหล่านี้ คือ “การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้แมทช์กับสีผนังห้อง” เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ดูกลมกลืนไปกับฝาผนัง สร้างความรู้สึกของพื้นที่ภายในห้องให้กว้างขึ้น 5.การแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน เพื่อให้ห้องที่แคบดูใหญ่ขึ้น การแบ่งส่วนห้องตามฟังก์ชันที่ใช้งาน จึงเปรียบเสมือนการสร้างขอบเขตชัดเจนระหว่างพื้นที่ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นตัวแบ่ง เช่น โซฟา ผังกั้น หรือการใช้ของตกแต่งบ้านประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมกับฟังก์ชันเพื่อสร้างความสะดวกสบายและน่าอยู่มากขึ้น 6.ติดตั้งชั้นวางให้ติดกับผนังห้อง สำหรับห้องที่มีขนาดแคบ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่มาใช้งาน ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไปขัดขวางพื้นที่ใช้สอยการใช้งาน เช่น พื้นที่ทางเดินมีน้อย ไม่มีที่วางสำหรับสิ่งของอื่นๆ ดังนั้น “การติดตั้งชั้นวางให้ติดกับผนังห้อง” จึงเป็นทางออกสำหรับปัญหานี้ เพื่อให้ห้องดูใหญ่และเพิ่มพื้นที่ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประโยชน์พื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้อีกด้วย 7.การใช้ประโยชน์จากกระจก การใช้กระจกเพื่อทำให้พื้นที่ขนาดเล็กดูใหญ่ขึ้น ถือเป็นสิ่งที่คนนิยมกันอย่างมาก เพราะมันเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเพิ่มความลึกของห้อง ทำให้ภายในดูใหญ่และกว้างขึ้น โดยเฉพาะที่ที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก เช่น คอนโด อพาร์ทเมนท์ บ้านขนาดเล็ก หรือห้องขนาดแคบ ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • ความแตกต่างของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์

    ขอบเขตและความรับผิดชอบที่แตกต่างกันของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์ ในโลกของการออกแบบดีไซน์มีคำกล่าวที่ว่า “บ้านเปรียบเสมือนกับชิ้นงานศิลปะ” ที่จิตรกรแต่ละคนต่างทุ่มเทความเชี่ยวชาญและความสามารถเฉพาะตัวในการสร้างสรรค์และวาดลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ลงบนผืนผ้าของพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ และท่ามกลางจิตรกรมากมาย สถาปนิกและนักออกแบบภายใน (อินทีเรียดีไซน์) คือ สองจิตรกรคนสำคัญที่ทำให้กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะดังกล่าวสามารถเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยถึงแม้ว่า สถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์ จะมีเป้าหมายร่วมกันในการรังสรรค์พื้นที่บ้านพักและที่อยู่อาศัยให้เต็มเปี่ยมไปแรงบันดาลใจ ความดึงดูดใจ และประโยชน์ใช้สอยที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้อยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ทว่าเส้นทางที่ต้องมุ่งเน้น ตลอดจนทักษะและความรับผิดชอบของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์นั้นก็ล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ในบทความนี้ The Collective จะพาทุกคนมาร่วมเจาะลึกข้อแตกต่างที่ถูกนำมาใช้ในการกำหนดความเป็นสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์แต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น ไขข้อสงสัย! สถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์แตกต่างกันอย่างไร ? หลักสูตรการศึกษาและการฝึกอบรม สถาปนิก: เส้นทางสู่การเป็นสถาปนิกนับได้ว่าเป็นเส้นทางที่มีความเข้มข้นกว่าอินทีเรียดีไซน์เป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางของการศึกษาในสาขาสถาปัตยกรรม ไม่ได้เป็นเพียงแค่เส้นทางสู่การสร้างรากฐานในด้านความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่สถาปนิกทุกคนจะได้เรียนรู้ในด้านของวิศวกรรมโครงสร้าง หลักการออกแบบ และเทคโนโลยีในการก่อสร้าง ที่จะช่วยทำให้สถาปนิกทุกคนสามารถมองเห็นและออกแบบความว่างเปล่า (Space) ให้มีชีวิตขึ้นมาได้ภายใต้ปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม กฎระเบียบด้านความปลอดภัย และการวางแผนเชิงพื้นที่ เป็นต้น นอกจากนี้ สถาปนิกทุกคนยังจำเป็นที่จะต้องได้รับประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติผ่านการฝึกงาน และต้องทำการสอบใบประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม หรือ ใบ ก.ส. เพื่อนำมาใช้เป็นเอกสารรับรองในการออกแบบและเซ็นรับรองแบบอีกด้วย อินทีเรียดีไซน์ : นักออกแบบภายใน หรือ อินทีเรียดีไซน์ มักจะเริ่มต้นเส้นทางของการเป็นอินทีเรียดีไซน์ผ่านการศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาการออกแบบตกแต่งภายในหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง และเสริมด้วยการฝึกงานเพื่อการได้รับประสบการณ์ตรงในสายงานอินทีเรียดีไซน์ โดยการศึกษาของอินทีเรียดีไซน์จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนทักษะในการวางแผนเชิงพื้นที่ ทฤษฎีสี และความรู้เกี่ยวกับวัสดุต่าง ๆ เพื่อช่วยให้อินทีเรียดีไซน์ทุกคนกลายมาเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการตกแต่งภายใน ที่จะสามารถช่วยสร้างบรรยากาศให้ความว่างเปล่า (Space) ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยสถาปนิกให้มีความน่าดึงดูด มีประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ร่วมกับการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้อยู่อาศัยภายในพื้นที่เป็นสำคัญ วิสัยทัศน์ สถาปนิก: ในโครงการก่อสร้างใด ๆ สถาปนิก คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ในการวางแนวความคิดและออกแบบโครงสร้างทั้งหมด โดยสถาปนิกจะเริ่มต้นกระบวนการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของตัวอาคารผ่านการกำหนดแนวความคิดเกี่ยวกับโครงสร้างโดยรวม ร่วมกับการคำนึงถึงรูปแบบของพื้นที่ การใช้งาน ความสวยงาม ความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ไปจนถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ สถาปนิกจะมีการทำงานร่วมกันกับวิศวกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนการออกแบบจะไม่เพียงแต่มีความสวยงามและน่าพึงพอใจเท่านั้น แต่ยังจะต้องมีความปลอดภัยและความมั่นคงอีกด้วย อินทีเรียดีไซน์: หลังจากการวางแปลนทางด้านสถาปัตยกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อินทีเรียดีไซน์จะเป็นผู้ที่รับช่วงต่อในการเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดของโครงสร้างเพื่อมุ่งเน้นไปที่การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความสวยงามของพื้นที่ที่จะทำการออกแบบตกแต่งภายใน โดยความรับผิดชอบของอินทีเรียดีไซน์จะเกี่ยวข้องกับการเลือกวัสดุ การจัดเฟอร์นิเจอร์ การเลือกโทนสี แสงไฟ และการตกแต่ง ไปจนถึงการเลือกอุปกรณ์เสริมที่มีความสอดคล้องกับแนวคิดในการออกแบบอย่างครอบคลุม เพื่อเป็นการช่วยเติมชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ที่สถาปนิกสร้างขึ้น และในขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นการช่วยให้ทุกพื้นที่สามารถใช้งานได้จริงและช่วยตอบสนองต่อความต้องการที่มีความเฉพาะตัวของผู้อยู่อาศัยทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบเขตในการทำงาน สถาปนิก: สถาปนิกมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่เป็นนามธรรมให้กลายมาเป็นโครงสร้างแบบรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ โดยสถาปนิกจะเป็นผู้ที่นำความเชี่ยวชาญมาใช้ในการกำหนดรากฐานและการจัดลำดับความสำคัญในการออกแบบที่จะครอบคลุมในส่วนของการออกแบบโดยรวม ฟังก์ชันการทำงาน และความปลอดภัยของอาคาร นับตั้งแต่การกำหนดพิมพ์เขียวเบื้องต้น ไปจนถึงการดูแลรายละเอียดที่ซับซ้อนของการก่อสร้าง นอกจากนี้ หน้าที่รับผิดชอบของสถาปนิกยังไม่ได้มีเพียงแค่ในส่วนของการออกแบบพื้นที่ให้มีความน่าดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่พื้นที่ที่ถูกออกแบบขึ้นมายังจำเป็นที่จะต้องใช้งานได้จริงบนพื้นฐานของความเป็นเหตุและเป็นผล เพื่อการช่วยสร้างสมดุลระหว่างการแสดงออกทางศิลปะและวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อินทีเรียดีไซน์: ในทางกลับกันอินทีเรียดีไซน์ จะมุ่งเน้นความสนใจไปที่พื้นที่เล็ก ๆ ภายในขอบเขตทางสถาปัตยกรรม โดยถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์หลักในด้านของการช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการออกแบบจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอินทีเรียดีไซน์ แต่จุดสนใจหลักของอินทีเรียดีไซน์ทุกคน คือ การช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพื้นที่ภายในกรอบสถาปัตยกรรม ร่วมกับการช่วยรังสรรค์ความสวยงาม บรรยากาศ และสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับโครงสร้างภายนอกของตัวอาคาร ผ่านการเลือกและจัดองค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ แสงสว่าง และการตกแต่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า การออกแบบพื้นที่ทุกตารางนิ้วจะสามารถผสมผสานสไตล์และการใช้งาน เพื่อการช่วยตอบสนองต่อความต้องการและความปรารถนาของผู้พักอาศัยทุกคนได้อย่างราบรื่น การทำงานร่วมกันของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์ สถาปนิก: ด้วยบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบของโครงสร้างภายนอก ส่งผลให้การทำงานร่วมกันจึงเป็นหัวใจสำคัญของงานสถาปนิก โดยสถาปนิกจะทำงานร่วมกับลูกค้า วิศวกร โครงสร้าง ผู้รับเหมา ทีมงานก่อสร้าง และอินทีเรียดีไซน์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังต้องอาศัยทักษะในการสื่อสารและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าวิสัยทัศน์ของลูกค้าจะถูกนำมาทำให้กลายเป็นความเป็นจริงที่สามารถจับต้องขึ้นมาได้ อีกทั้งลักษณะภายนอกและภายในของอาคารจะได้รับการผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด อินทีเรียดีไซน์: อินทีเรียดีไซน์เป็นผู้ที่ต้องทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อการทำความเข้าใจกับความชอบและความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ อินทีเรียดีไซน์ยังจำเป็นจะต้องมีการพูดคุยและประสานงานร่วมกับสถาปนิก ผู้รับเหมา ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และช่างฝีมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าวิสัยทัศน์ของตนเองและลูกค้าจะถูกนำมาแปลความหมายให้กลายเป็นความเป็นจริงที่สามารถจับต้องและใช้งานได้จริงภายใต้พารามิเตอร์ที่กำหนดโดยการออกแบบสถาปัตยกรรม โดยการออกแบบภายในที่ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างสุนทรียภาพ การใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของลูกค้ารวมเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน หากจะอธิบายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น "สถาปนิกก็เปรียบได้กับร่างกายของคนเราที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ในขณะที่อินทีเรียดีไซน์เปรียบได้กับเสื้อผ้าที่ถูกนำมาสวมใส่เพื่อประโยชน์ใช้สอยในการทำให้ร่างกายอบอุ่น ร่วมกับการช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีความสวยงามน่ามองมากยิ่งขึ้น" เพราะฉะนั้นแล้ว การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองอาชีพอย่าง สถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์จึงไม่เพียงแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางของการออกแบบเท่านั้น แต่ยังสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการรังสรรค์พื้นที่ในฝันของตนเองให้เป็นมีความเป็นเลิศในด้านการออกแบบอีกด้วย The Collective เราคือบริษัทออกแบบที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบและผลิตงานสถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายใน อินทีเรียดีไซน์ กราฟิกและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบครบวงจร โดยสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบที่มีคุณภาพสูง โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ติดต่อ The Collective บริษัทออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • รวมนิทรรศการ งานศิลปะ อีเว้นต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566

    ส่งท้ายเดือนตุลาคม ต้อนรับเดือนพฤศจิกายนด้วยนิทรรศการและการชมศิลปะแบบดิจิทัล และนิทรรศการเทคโนโลยี Immersive ที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมากในปีนี้กันไปแบบจุกๆ และสำหรับบางงานก็มีถึงแค่ต้นเดือนนี้เท่านั้น! พิเศษอย่างมากสำหรับเดือนนี้ The Collective อยากให้ทุกคนได้ไปชม 'งานหนังสือบนเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก!' ที่ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่และได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา ระหว่างประเทศอีกด้วย ส่วนนิทรรศการอื่นๆก็น่าติดตามไม่แพ้กันเลยทีเดียวครับ 1. The Magic Exhibition นิทรรศการที่จะพาทุกคนมาค้นหาพลังวิเศษจากเรื่องราวที่หลากหลายในชีวิตของศิลปินชั้นนำของเมืองไทย ผ่านความน่าหลงใหล, ความประทับใจ, การกระตุ้นจิตใจจนนำไปสู่การถ่ายทอดคำว่า “พลังวิเศษ” ที่สะท้อนความเป็นตัวตนออกมาจนทําให้กลายเป็นผู้สร้างสุนทรียภาพได้ในทุกพื้นที่ของโลกใบนี้ พิกัดและระยะเวลา: - นิทรรศการครั้งที่ 1: ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน 2566 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) - นิทรรศการครั้งที่ 2: กิจกรรม ART Talk 1 ครั้ง วันที่ 14 – 26 พฤศจิกายน 2566 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 2. Majungmul Project: Network for the Future (NFF) – Thailand Satellite โครงการแลกเปลี่ยนและพำนักสำหรับโปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการแสดงรุ่นใหม่และรุ่นกลาง จากประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยน และเรียนรู้บริบทและความท้าทายของงาน producing ในประเทศอื่นๆ รวมถึงร่วมกันหารือ ค้นคว้า และพัฒนาความคิดที่จะลดอุปสรรคของการทำงาน producing ระดับนานาชาติ เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศดังกล่าวได้ในอนาคต สำหรับกิจกรรมในประเทศไทย (Thailand Satellite) วันที่ 7 - 8 พฤศจิกายน 2566 จัดขึ้นโดยเครือข่ายนักบริหารจัดการศิลปะการแสดงร่วมสมัยไทย (POTPAN) เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อปโปรดิวเซอร์ในกรุงเทพฯ ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2566 รายละเอียดโครงการและวิธีการสมัครเข้าร่วม: http://bit.ly/3LmbAD0 พิกัด: ห้อง Friends of bacc ชั้น 6 หอศิลปกรุงเทพฯ ระยะเวลา: จัดแสดง 8 พฤศจิกายน 2566 3. SAW DUST นิทรรศการจัดแสดงประติมากรรมไม้ โดย 'เมืองทอง อิ่มทอง' ศิลปินผู้ที่มีความหลงใหลในความพิเศษของวัสดุ “ไม้” เมื่อผ่านกระบวนการขัดเงาจะสื่อถึงอารมณ์ความนุ่มนวลที่ศิลปินต้องการถ่ายทอด ลายประสานของชั้นไม้บอกเล่าเรื่องราวของกาลเวลา รวมถึงร่องรอยบนผิวไม้ที่เกิดจากเครื่องมือแกะสลักทำให้เกิดพื้นผิวและลวดลาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ มุมมองและจิตนาการที่ศิลปินต้องการถ่ายทอดผ่านผลงานในนิทรรศการครั้งนี้นั่นเองครับ พิกัด: ณ People's Gallery ห้อง P1 - P2 ชั้น 2 หอศิลปกรุงเทพฯ ระยะเวลา: 1 - 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา: 10.00 - 20.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 4. SPACE K@NEXT TECH SPACE K@Next Tech นิทรรศการศิลปะดิจิทัล 'IMMERSIVE' ที่มาในธีม และ เป็นการนำเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของ ประเทศเกาหลีมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในประเทศไทย ณ โซน 'SCBX NEXT TECH' ซึ่งถือเป็นสเปซแห่งการเรียนรู้และพัฒนา ศักยภาพ ให้ผู้สนใจโลกดิจิทัลทุกเจเนอเรชัน ได้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนาตนเอง สร้างแรงบันดาลใจ ตลอดจนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกอนาคตในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในส่วนของโซน จะเป็นการแสดงภาพวาดที่เป็นสัญลักษณ์ของพระราชวังและวัฒนธรรมของเกาหลี การบินของมังกรในการแสดงสื่อศิลปะ จากนั้นพาทุกคนเดินทางผ่านวัดไทย โลมา และนักบินอวกาศด้วยการแสดงแบบ 3 มิติอันตระการตา สำหรับโซน เป็นการนำเสนอภาพอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ ในยุคจักรวาล ผ่านมนุษย์จักรกล (Cyborg), Future City, Future Connect และ Future Club ที่ไม่เพียงชวนให้ผู้ชมได้เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะดิจิทัล แต่ยังจุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้เห็นถึงการก้าวสู่โลกแห่งอนาคต ถือเป็นนิทรรศการที่น่าสนใจมากๆครับ เพราะทาง Space K@NEXT TECH ยังมีแผนที่จะนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆให้เราได้รับชมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีแห่งอนาคตและเนื้อหาวัฒนธรรมเกาหลีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, การผลิตเนื้อหาสื่ออาร์ต [พิเศษเฉพาะฤดูกาล] ที่สะท้อนถึงธีมของวันหยุดและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงเวลาต่างๆ ของปี เป็นต้น #งานนี้ไม่ฟรีนะครับ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปดูช่องทางการจำหน่ายบัตรเข้าชมงานได้ตามลิงค์ด้านล่าง พิกัด: ณ People's Gallery ห้อง P1 - P2 ชั้น 2 หอศิลปกรุงเทพฯ ระยะเวลา: วันนี้ - 30 กันยายน 2567 เวลา: 11:00 - 21:00 น. ช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรและรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม: https://www.ticketmelon.com/metalivek/spacek-nexttech-bangkok 5. Imperfect Perusal Imperfect Perusal นิทรรศการ โดย 'เวนดี้ ทีเคิล' ที่มีแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด ตลอดจนความประทับใจที่มีต่อบริบททางวัฒนธรรมของประเทศไทยตลอดระยะเวลายาวนานนับสิบปี ในผลงานชุดนี้ ศิลปินได้ผสานแนวคิดเกี่ยวกับ 'สถานที่และการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมทั้งในเชิงพื้นที่และเวลา' ผ่านกระบวนการประกอบสร้างและปะติดปะต่อ ศิลปินใช้วัตถุและภาพจำนวนมากจากหลากหลายแห่ง ตั้งแต่โบราณสถาน วัดวาอาราม ไปจนถึงตลาด สร้าง “การพินิจที่ไม่สมบูรณ์แบบ” ที่มีต่อประเทศไทย โดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเผากระดาษ การซ้อนชั้นวัสดุ หรือการขัดด้วยกระดาษทราย ลงบนภาพวาดและประติมากรรมสื่อผสม กระบวนการประกอบสร้างและปะติดปะต่อดังกล่าวได้ก่อร่างสภาวะเสมือนงานโบราณคดี ทั้งสำนึกของกาลเวลาที่เคลื่อนผ่าน หรือการแตกกระจายของบริบทต่างๆ ภายในงานแต่ละชิ้น ชวนให้ใคร่ครวญถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตลอดจนดุลยภาพแห่งการสร้างสรรค์และการทำลายล้าง พิกัด: Matdot Gallery, MATDOT Art Center ถนนหลานหลวง ระยะเวลา: วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา: 10.00 – 18.00 น. (ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์) 6. ศิลปะดิจิทัล งานดิจิทัล อาร์ต โดย มิเกล เชอวาลิเยร์ (Miguel Chevalier) ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกการสร้างสรรค์ศิลปะดิจิทัล กว่า 40 ปีมา ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่ได้มีการใช้งานคอมพิวเตอร์กันโดยแพร่หลาย(นอกแวดวงวิทยาศาสตร์) โดยนำเสนอผลงานอินเตอร์แอคทีฟ ในรูปแบบ Art Tech บนพื้นที่โซน SCBX NEXT TECH เพื่อร่วมแบ่งปัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก่ผู้สนใจงานดิจิทัลอาร์ต เพื่อหาความรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินดิจิทัลอาร์ต พิกัด: SCBX NEXT TECH ชั้น 4, สยามพารากอน 7.แด่ความฝันที่เคารพรัก นิทรรศการ "แด่ความฝันที่เคารพรัก ผลงานโดย 'กรรณิการ์ จันทร์สุวรรณ' คือภูมิทัศน์จากการเสกคาถาเฉพาะทางจิตรกรรมกลั่นกรองและแปลเป็นเอกภาพใหม่ ทั้งบุคคล สัตว์ และสิ่งแวดล้อมถูกจับคู่เติมเต็มซึ่งกันและกันในบรรยากาศแห่งฝันที่เหนือจริง ประสบการณ์ส่วนตัวที่ไร้กาลเวลา ความฝัน ความหวัง ความสุข ความสำเร็จ ในฉากทัศน์ของการเติบโตของจิตใจ และจิตวิญญาณ ลองมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพลิดเพลินกับความสุข เรียนรู้จากความเจ็บปวด เผื่อแผ่ความรักและเติบโตไปด้วยกันครับ อีกทั้งรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายผลงานจะนำบริจาคเข้ามูลนิธิพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย พิกัด: MeArt Gallery, ชั้น 2, River City Bangkok ระยะเวลา: วันนี้ - 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา: 11.00 – 20.00 น. (ปิดวันจันทร์) 8. Doulos Hope Bangkok เรือ ‘Doulos Hope’ ขององค์กรการกุศลทางทะเลระหว่างประเทศอย่าง ‘GBA Ships’ ที่เคลื่อนที่ไปในน่านน้ำทั่วประเทศบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อแบ่งปันความรู้ ช่วยเหลือ และความหวังในทุกท่าเรือที่ไปเยือน ด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา ผ่านหนังสือและอาสาสมัครจาก 25 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีรายการหนังสือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการสอนทักษะต่างๆ หนังสือสำหรับเด็ก รวมถึงความรู้ด้านกีฬาต่างๆ และสูตรอาหารนานาประเทศกว่า 5,000 เล่มให้ทุกตนได้อ่านและเลือกสรร แนะนำมากครับงานนี้ พิกัด: ท่าเรือคลองเตย (ท่าเทียบเรือที่ 2) ระยะเวลา: วันนี้ - 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา: อังคาร - อาทิตย์ เวลา 13.00 - 21.00 น. Photo Credit: Zipevent #งานนี้ไม่ฟรีนะครับ ค่าเข้าชม: 30 บาท (เด็กต่ำกว่า 12 ปี, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เข้าฟรี) ช่องทางการจัดจำหน่ายบัตร: https://thelittleboxoffice.com/douloshope/ ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • 8 เทคนิค ตกแต่งภายในบ้านฝ้าเพดานต่ำ ให้บ้านคุณดูโปร่งได้ทันที

    อยากให้บ้านดูโปร่ง ต้องไม่พลาดทริคช่วยตกแต่งภายใน 8 ข้อนี้ ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมเจอบ่อย ๆ ในการออกแบบรีโนเวทบ้านและงานตกแต่งภายในก็คือ ห้องมีฝ้าเพดานที่เตี้ย อยากให้ห้องดูสูงขึ้นจะทำยังไงดี วิธีที่ดีที่สุดก็คือรื้อฝ้าเพดานนั้นออกครับ… แต่ก็ไม่ใช่ทุกห้องที่จะแก้แบบนี้ได้ เพราะการตกแต่งห้องบางรูปแบบไม่เหมาะที่จะโชว์โครงสร้างหรืองานระบบจึงจำเป็นที่จะต้องมีฝ้าอยู่ หรือบางทีก็ถูกจำกัดด้วยงานระบบบนฝ้าเพดาน ทำให้ฝ้าสูงขึ้นอีกไม่ได้ วันนี้เลยเอาเทคนิคการแต่งห้องแบบง่าย ๆ มาแชร์ เพื่อนำเอาไอเดียไปลองปรับใช้กันดูครับ 8 เทคนิคตกแต่งภายในห้องเพิ่มความโปร่ง พรางตาให้ฝ้าดูสูงขึ้น 1.เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เตี้ย การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความสูงไม่มาก ช่วยเพิ่มระยะระหว่างเฟอร์นิเจอร์และฝ้าเพดาน ทำให้รู้สึกถึงความสูงที่มากขึ้น เช่น วางโซฟา L Shape เตี้ยๆเข้ามุม ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่าห้องมีพื้นที่มากขึ้น หรือการทำที่นอนด้วยการยกพื้นแล้ววางฟูก เมื่อเรานั่งอยู่บนพื้นหรือที่นอนจะรู้สึกว่าฝ้าอยู่สูงกว่าปกติ 2.สร้างประตูกระจกให้สูงถึงเพดาน การเลือกตกแต่งภายในโดยสร้างประตูกระจกให้สูงถึงฝ้าเพดานมีประโยชน์หลายด้าน เพราะนอกจากจะทำให้ผนังดูยาวแล้ว มันยังช่วยให้ห้องดูกว้าง โปร่ง และไม่อึดอัด สร้างมุมมองให้ลึกขึ้น 3.ตกแต่งม่านยาวให้ชิดกับขอบเพดาน การติดม่านยาวให้ติดกับขอบเพดานยาวมาจนถึงด้านล่างพื้น แทนการติดเข้ากับกรอบหน้าต่างแบบเดิมๆ ทำให้ผนังไม่ถูกเส้นนอนแบ่ง ดูผนังเป็นผืนใหญ่ นอกจากจะช่วยให้เพดานดูสูงแล้ว ยังทำให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย 4.ตกแต่งผนังด้วยเส้นตั้ง การเพิ่มเส้นตั้งบนผนัง ทำให้ลวงตาดูผนังสูงขึ้นได้ ดูสวยงามและมีมิติ มีผิวสัมผัส และเส้นที่เป็นร่อง ๆ เป็นทริคตกแต่งภายในที่ทำให้ห้องรู้สึกกว้างกว่าผนังที่ทาสีเรียบ ๆ 5.ตกแต่งด้วย Wall Light ภายในบ้าน การติดตั้งโคมไฟกิ่งติดผนัง สร้างความสว่างบนผนังที่เตี้ยจะทำให้รู้สึกว่าผนังนั้นใหญ่ขึ้น นอกจากนี้การเน้นจุดดึงดูดสายตาบนผนังทำให้ลดความสนใจของฝ้าเพดานที่ต่ำได้มาก 6.ติดโคมไฟแขวนเหนือเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งภายในอีกแบบที่แนะนำเพื่อบ้านที่ดูโปร่งโล่งของคุณ คือ การแขวนโคมไฟห้อยเหนือเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะรับประทานอาหาร เคาน์เตอร์ ต่าง ๆ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างพื้นถึงฝ้าเพดาน สร้างจุดเด่น และมิติให้กับห้องมากขึ้น และเส้นตั้งของโคมไฟที่ห้อยลงมาทำให้ห้องดูสูงขึ้นด้วย 7.สร้างจุดเด่นเฉพาะจุด เราจะเห็นบ้านหลายๆหลัง ที่ชอบทาสีเพดานเป็นสีเดียวกันกับผนังบ้าน แต่กับบ้านที่มีเพดานต่ำนั้น จะยิ่งทำให้บ้านดูแคบ ขาดมิติ และมองไม่เห็นความสูงของฝ้าเพดาน ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการเลือกวัสดุและสีที่ตัดกันระหว่างผนัง และฝ้าเพดาน จะสร้างจุดเด่นและสร้างบรรยากาศให้ดูแตกต่าง 8.การทาสีเข้มให้ฝ้าเพดานลึกขึ้น การเลือกสีทาผนังและฝ้าเพดานเพื่อตกแต่งภายในบ้านที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้กัน คงหนีไม่พ้น ‘การทาสีอ่อนหรือสีขาว’ ที่สามารถสร้างความรู้สึกสบายตา ทำให้ภายในห้องดูกว้าง และฝ้าเพดานดูกลืนไปกับผนังห้อง แต่การเลือกทาฝ้าสีเข้มนั้นก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีเช่นกัน เพราะความมืดของฝ้าเพดาน ทำให้เรารู้สึกว่าฝ้ามีความลึก อยู่ไกลออกไป ทำให้ห้องดูสูงขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งหมดนี้คือ 8 วิธีเสริมการตกแต่งภายในที่จะช่วยพรางตาฝ้าเพดานต่ำ ทำให้บ้านของคุณดูโปร่ง ลดความอึดอัด ที่คุณสามารถเลือกทำได้ง่าย ๆ นั่นเอง ในอนาคต THE COLLECTIVE STUDIO จะนำเทคนิคการออกแบบและตกแต่งภายในที่น่าสนใจเรื่องไหนมาฝากอีก อย่าลืมเข้ามาติดตามกัน เพราะเราไม่เพียงแต่เป็นบริษัทออกแบบภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบและการผลิตเท่านั้น แต่เรายังมีประสบการณ์เรื่องงานสถาปัตยกรรม งานอินทีเรียดีไซน์ รับออกแบบและตกตกแต่งภายในมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สปา สำนักงาน ออฟฟิศ รวมถึงรีสอร์ตและโรงแรมอีกด้วย ด้วยกราฟิกและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ครบวงจร โดยสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา THE COLLECTIVE STUDIO เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบและตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ทุกความต้องการในพื้นที่ของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน มองหาบริษัทออกแบบและตกแต่งภายใน ติดต่อ The Collective Studio Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • ชาวสมุทรปราการเตรียมตัว! I’m fly Studio พร้อมเปิดให้บริการ“สาขาตัวแม่”แล้ว ในวันที่ 8 ต.ค. 2566 นี้

    I’m fly Studio พร้อมเปิดให้บริการแล้วที่ ถ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ใกล้โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ ถือเป็นสาขาที่ 3 ต่อจากสาขาปิ่นเกล้าและพระราม3 ทั้งยังเป็นสาขาตัวแม่ของทาง I’m fly Studio ที่มาพร้อมกับสตูดิโอใหม่ที่พิเศษกว่าเดิม ทั้งในการตกแต่ง การสร้างประสบการณ์ใหม่แบบไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญยังเน้นในเรื่องของความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับผู้ที่มาใช้บริการ คุณณัฏฐ์ นิลานุช หรือคุณอีฟ ผู้ก่อตั้ง I’m fly Studio เผย หลังจากเปิดกิจการกีฬาประเภท Aerial มานานกว่า 9 ปี ด้วยกระแสตอบรับที่ดีและความต้องการที่มากขึ้น จึงทำให้คุณอีฟเกิดไอเดียในการทำ I’m fly Studio สาขา3 ที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยตั้งใจให้ที่นี่เป็นสตูดิโอ Aerial แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีพื้นที่สูงเป็นพิเศษกว่า 6 เมตร เพื่อตอบสนองการเล่นที่หลากหลาย และสร้างบรรยากาศเสริมเสน่ห์ในการเล่นด้วยอุปกรณ์ทั้ง hammock, hoop, silk, trapeze ที่รองรับความปลอดภัยอย่างดี ออกแบบโดย เดอะ คอลเลคทีฟ ผู้ที่ทำให้ I’m fly Studio แห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ และพร้อมเปิดให้บริการพร้อมกันในวันที่ 8 ตุลาคม 2566 นี้ รับชมผลงานของเราได้ที่: https://www.ctstu.com/post/i-m-fly-studio อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ แบ่งปันความสนุกและความสุขจากสิ่งที่ตนได้รับจากการเล่นกีฬาประเภทนี้ ส่งต่อให้กับคนอื่นๆ จึงได้มีการจัดกิจกรรมสุดพิเศษให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ใน “งานโชว์ประจำปี2566” ที่มาในชื่อ 'Shall We Cirque 2023' -FOUND- ภายใต้คอนเซ็ป In the loss, we found จากแรงบันดาลใจชีวิตที่เปลี่ยนไปของคุณอีฟในช่วงวิกฤต โควิด19 โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่ ช่วงเช้า - เป็นการเปิดคลาสเรียนให้ผู้ที่สนใจในกีฬาประเภท Aerial ได้ทดลองเล่น ช่วงบ่าย - เป็นการแปลงสตูดิโอของ I’m fly Studio ให้กลายเป็นโรงฉายภาพยนตร์ ด้วยโชว์กายกรรม Shall We Cirque 2023 –FOUND- ในรอบ premiere ให้ดูก่อนใคร ด้วยบรรยากาศที่เหมือนได้ดูโชว์กายกรรมของต่างประเทศจริงๆ ภายในงาน I’m fly Studio ยังมีโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ และกิจกรรมอื่นๆมากมาย เพื่อเตรียมไว้สำหรับชาว Circus และผู้ที่สนใจกีฬาประเภท Aerial โดยมีสิทธิ์ลุ้นรับคูปองส่วนลด มากสุดถึง 5,000 บาท งานนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/imflystudio/ Instagram : https://www.instagram.com/imflystudio/ Youtube : https://m.youtube.com/@imflystudio ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • ปลดปล่อยอารมณ์ให้พาไปกับนิทรรศการงานศิลปะปลายฝนต้นหนาวเดือนตุลาคมแห่งปี 2566

    ในเดือนตุลาคมปี2566 นี้บอกเลยว่า มีแต่กิจกรรมและนิทรรศการงานศิลปะแสนพิเศษที่จะทำเอาทุกคนถึงกับต้องเซอร์ไพรส์ และไม่อยากพลาดอย่างแน่นอน เพราะไฮไลท์เด่นนิทรรศการของเดือนนี้เลย คือ ทุกคนจะได้สัมผัสกับโลกแห่ง 'Digital Immersive' ศิลปะที่สัมผัสได้ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมพักใจด้วยมินิคอนเสิร์ต รับชมศิลปะแบบดั้งเดิมอย่างเต็มรูปแบบกันไปแบบยาวๆ แต่จะมีนิทรรศการอะไรบ้างนั้น The Collective คัดมาให้ชมแล้วครับ 1. MY SET EXHIBITION จะเป็นอย่างไรหากเราได้เข้าไปสำรวจพื้นที่จิตใจทั้งเรื่องทุกข์และสุขของศิลปินทั้ง 6 ท่าน ได้แก่ ชวิศ ศรีสวัสดิ์, ณัฐกาญจน์ วาจาสัตย์, ณัฐพงศ์ บุญมีลาภ, พิมพ์เพ็ญ หอมสมบัติ, วรรธนัย มาเกตุ และอภิรัฐ ฤกษ์ดี ผ่านผลงานภาพพิมพ์ที่พวกเขาสรรค์สร้างขึ้นมา พิกัด: ห้องนิทรรศการ ชั้น 3 หอศิลปกรุงเทพฯ ระยะเวลา: 26 กันยายน - 8 ตุลาคม 2566 2. BAND&FAN! The Collective ชวนดูคอนเสิร์ต! กับกิจกรรม happening 10 Fest ครั้งที่ 8 ที่ทาง happening magazine จัดขึ้นมาภายใต้ธีม 'BAND&FAN'! กับศิลปินกว่า 6 วงแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Nap A Lean, Praesun & paiiinntt, Have A Nice Day, DENA, CURS และปิดท้ายด้วยวง Yew วงโปรดของใครหลายๆคน ภายในงานยังมีตลาดงานอาร์ตจากศิลปะหลากหลายแขนงเพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับการเสพศิลปะ มีบูทสินค้ามากมาย ทั้งเสื้อ หนังสือ โปสการ์ด ของที่ระลึกต่างๆ พร้อมกิจกรรมworkhopดีดีที่คุณจะได้เรียนรู้และได้ใกล้ชิดกับศิลปะมากขึ้น พิกัด: ชั้น 1 โซน MUNx2 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ระยะเวลา: 6 - 8 ตุลาคม 2566 เวลา: 10.00 น. - 20.00 น. รายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/100064875874630/posts/pfbid0TbGovuyG7yHp2ytK8LnZuWgrV2Rrr2uJAf3mRxQJwq5Dd6KY1ccZtSo54nHv1Eksl/ 3. Kuu Ka n ศิลปะทั้งงานวาด งานเขียน งานเพ้นท เราคงเคยเห็นกันมาเยอะแล้ว แต่นิทรรศการนี้เป็นการแสดงผลงานผ่านประติมากรรมการออกแบบด้วยเครื่องปั้นเซรามิกโดยชาวไทย ที่ร่วมนำเสนอผลงานไปกับการจัดวางดอกไม้สไตล์อิเคบานะโดย 'Naomi Daimaru' ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น พิกัด: La Lante Fine Art / ซอย นราธิวาสฯ 22 ช่องนนทรี กรุงเทพฯ ระยะเวลา: วันนี้ - 31 ตุลาคม 2566 เวลา: 10.00 น. - 19.00 น. (วันอังคาร-วันเสาร์) 4.Children’s Picture Book Festival เทศกาลหนังสือภาพสำหรับเด็ก ๒๕๖๖ ที่รวมเหล่านักเขียน นักวาด นักแปล นักวิชาการ นักเล่านิทาน ผู้ทำงานกับเด็ก ห้องสมุด และสำนักพิมพ์ชั้นนำมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมจัดกิจรรมกันครั้งนี้ด้วย ภายในงานยังมีนิทรรศการสุดพิเศษอย่าง ‘นิทรรศการหนังสือภาพ ตอน ท่องแดนหนังสือภาพ’ ที่ผู้เข้าชมจะได้ทำความรู้จักผู้ที่อยู่เบื้องหลังโลกแห่งจินตนาการ วิธีการสร้างสรรค์ ได้ทดลองทำหนังสือภาพด้วยตัวเอง พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์กชอปสำหรับเด็กและครอบครัวในทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตลอดเดือนตุลาคมกว่า 30 รายการ! พิกัด: Thailand Creative & Design Center (TCDC) ระยะเวลา: 24 กันยายน - 29 ตุลาคม 2566 เวลา: 10:30 - 19:00 น. รายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม: https://barefootbanana.co/childrens-picture-book-festival-2023/ 5.Monet and Friends Alive Bangkok นับว่าเป็นเทศกาลสุดว้าวของเดือนนี้เลยก็ว่าได้! ใครไม่ได้ไปถือว่าพลาดมากครับ กับนิทรรศการสุดเก๋อย่าง 'Digital Immersive' ศิลปะที่เราสามารถสัมผัสได้ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง ด้วย SENSORY4™ (เทคโนโลยีภาพ แสง สี เสียง ระดับโลก) กว่า 3,500 ภาพ งานนี้ไม่ฟรีนะครับ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปดูช่องทางการจำหน่ายบัตรเข้าชมงานได้ตามลิงค์ด้านล่าง พิกัด: Attraction Hall ชั้น 6, ICONSIAM ระยะเวลา: วันนี้ - 7 มกราคม 2567 เวลา: 10:30 - 21:00 น. ช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรและรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/MonetAndFriendsAliveBangkok/posts/pfbid04Uq1PNMVK6ohQYZvKZdxe5SzytagnCaCTeqsnVe4nKKHSy44dXHWAC2L7SoxxGkjl 6.Life-Object นิทรรศการสะท้อนวิถีชีวิตภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมในเรื่องการพึ่งพาแรงงานคนและสัตว์ที่ปัจจุบันถูกกดทับด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆตามกาลเวลา ผ่านผลงานแสดงออกทางสัญลักษณ์ และรูปแทนวัตถุแห่งอุตสาหกรรมทุนนิยม พิกัด: People's Gallery ห้อง P3 ชั้น2 หอศิลปกรุงเทพฯ ระยะเวลา: 4 - 29 ตุลาคม 2566 เวลา: 10:00 - 20:00 น. 7.Wandered Exhibition นิทรรศการนี้เกิดขึ้นตอน Thireq Pecko รู้สึกโดดเดี่ยวและเผชิญกับความเศร้า เขาจึงอยากเปลี่ยนความรู้สึกแง่ลบเหล่านี้ให้เป็นผลงานที่สามารถมอบพลังบวกให้กับทุกคนที่มาเดินชมผลงานผ่าน ‘มนุษย์สีฟ้า’ คนหนึ่งในสไตล์ Illustration ที่เปรียบเสมือนนักแสวงหากำลังล่องลอยตามหาอะไรบางอย่างเหมือนกับพวกเราทุกคน เพราะเขาเชื่อว่า เราทุกคนสามารถสันโดษได้ แต่ไม่ควรมีใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยว พิกัด: โครงการ Somewhere ซอยประดิพัทธ์ 17 ระยะเวลา: วันนี้ - 15 ตุลาคม 2566 เวลา: 8.00 - 17.00 น. 8.'HEAVY' นิทรรศการภาพถ่ายตัวละคร โดย 'คุณเต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์' นักเขียนบทภาพยนตร์ นักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ และศิลปินร่วมสมัย ที่ร่วมกันสร้างสรรค์แววตา ความรู้สึก อิริยาบถและร่องรอยบนใบหน้า ที่มีเบื้องหลังเป็นภาพความทรงจำ ชีวิต ประสบการณ์ และเรื่องราวต่างๆ ซุกซ่อนไว้ในตัวละคร จนสามารถพาคนมองให้รู้สึกถึงน้ำหนักของของความทรงจำอันแสนมีค่าเหล่านั้น พิกัด: BANGKOK CITYCITY GALLERY สาทรซอย 1 ระยะเวลา: 30 กันยายน - 11 พฤศจิกายน 2566 (ปิดวันอาทิตย์-อังคาร) เวลา: 13.00 - 18.00 น. 9.MURDERER MIND นิทรรศการ 'Abstract Expressionism' โดย 'วันสว่าง เย็นสบายดี' สถาปนิกผู้สนใจงานจิตรกรรม ที่สร้างสรรค์ร่องรอยชั้นสีที่ทับถมกัน โดยมีจุดเริ่มต้นจากช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสด้วยฝีแปรงและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อก่อให้เกิดช่องว่างแห่งการหลีกหนีโลกความเป็นจริงภายในจิตใจ ชวนให้ผู้คนได้สัมผัสถึงเงื่อนงำ ความลึกลับ และการคลี่คลายในแต่ละชั้นของหัวใจ พิกัด: Mini Xspace Gallery กรุงเทพฯ ชั้น 1 ระยะเวลา: 16 กันยายน - 31 ตุลาคม 2566 เวลา: 17.00 - 19.30 น. 10.PIRA OGAWA: MY LIFE WORKS นิทรรศการผลงานศิลปะชั่วชีวิตของศิลปินอาวุโส 'พีระ โองาวา' เจ้าของรางวัล Popular Vote จากงาน Bangkok Illustration Fair 2021 ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานโดยนำเครื่องมือการออกแบบของวิศวกรมาวาดรูปแมลง ประกอบกับเรื่องราวของการวาดรูปเพื่อบำบัดอาการทินไนตัส (Tinnitus) หรือการได้ยินเสียงแมลงในหัวเนื่องจากสภาวะที่สารเคมีในสมองเสียสมดุล แต่ในงานนี้พิเศษกว่างานอื่นคือทุกคนจะได้เห็นผลงานของเขาบนกระดาษไข กระดาษสี ผ้าใบ สีอะคริลิก ปากกามาร์คเกอร์ ปากกาเมจิก เป็นต้น ซึ่งเขาไม่เคยนำมาจัดแสดงมากเท่านี้มาก่อน! อีกทั้งงานนี้มีให้เราได้รับชมกันไปยาวๆไปจนถึงปี 2567 เลยครับ พิกัด: ชั้น 2 MMAD BOX, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ระยะเวลา: 20 ตุลาคม 2566 - 7 มกราคม 2567 เวลา: 10.00 - 20.00 น. ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • 5 เคล็ดลับการทำ "Team Building" ให้สนุก

    เมื่อพูดถึง "กิจกรรม" ในองค์กร หลาคนแค่ได้ยินก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว หรือบางคนอาจมองว่าไม่มีเหตุจำเป็นต้องจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา สู้นำเงินไปเป็นโบนัสหรือปรับเพิ่มเงินเดือนยังมีประโยชน์มากกว่า และยิ่งไปทำกิจกรรมกับคนที่ไม่ใช่ครอบครัว หรือเพื่อน ก็อาจทำให้รู้สึกเกร็งไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดความบันเทิง แต่การจัดกิจกรรม "Team Buliding" นั้นก็มีประโยชน์หลายด้าน และส่งผลดีต่อองค์กรเป็นอย่างมาก กิจกรรม Team Building มีความสำคัญอย่างไรต่อองค์กร? ในยุคนี้ การทำงานมีรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าเดิม บางองค์กรมีหลายสาขา มีสำนักงานอยู่หลายที่ บางคนทำงานทางไกลจากที่บ้านไม่ได้เข้าบริษัทเลย บางทีอยู่ในตึกเดียวกันแต่แบ่งพื้นที่จนไม่เคยได้คุยกัน ทำให้โอกาสที่จะได้พบปะหรือทำความรู้จักกันมีน้อย กิจกรรม Team Building จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในองค์กรได้มาทำความรู้จักกันในแง่มุมอื่นที่นอกเหนือจากการทำงานในชีวิตประจำวัน และมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันจากกิจกรรมที่จัดขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นให้กับคนในองค์กร สอดแทรกแง่คิดใหม่ๆ และสร้างความรู้สึกที่ดีกับองค์กร ให้เห็นเป้าหมายร่วมกันและทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้ แต่ทำยังไงให้พนักงานสนุกกันล่ะ??? 1. สร้าง Theme ให้กับงาน ถ้าเราจัดงานเพียงแค่มารวมตัวกัน เดินทางไปแล้วกลับก็คงไม่สนุก แต่การสร้าง Theme จะทำให้คิดสร้างสรรค์กิจกรรมได้หลากหลาย และสนุก เพราะสามารถต่อยอดไปในองค์ประกอบต่างๆในงานได้ เช่น การทำเสื้อ การสร้างเรื่องราว การตกแต่งบรรยากาศ ฯลฯ พอมีเรื่องราว ทีมงานก็จะมีโอกาสเตรียมตัว เตรียมเสื้อผ้า ชุดแฟนซี ก่อนไป สร้างความตื่นตัวให้กับทีมงาน อย่างเช่น ในปีนี้เราจัดงานใน Theme "Pirate Treasure The Adventure" ที่ให้ทุกคนเป็นนักผจญภัยสะสมเหรียญและสมบัติจากกิจกรรมต่างๆ ทุกคนก็จะสนุกและอินไปกับเรื่องราวที่สร้างขึ้นมา 2. สร้างบรรยากาศให้เป็นงานอีเวนต์ที่พิเศษ เมื่อมีการสร้าง Theme ขึ้นแล้ว เราก็ต่อยอดองค์ประกอบจากแนวคิดที่สร้างขึ้นมาให้เป็นบรรยากาศที่ดูพิเศษ เช่น การทำเสื้อแจกให้ทุกคนที่มาร่วมงานใส่ การต้อนรับ การติดบัตรที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ การทำของแจก ฯลฯ ให้พนักงานรู้สึกว่าการที่เราได้มาร่วมงานนี้เป็นการได้รับเชิญมาพิเศษ ไม่ใช่ใครๆก็มาได้ ก็จะทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ และรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับงาน จนสามารถเล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา 3. สร้างความท้าทายและเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ เปลี่ยนกิจกรรมเดิมๆ เช่น นั่งฟังสัมมนา ทำกิจกรรมรวมกันธรรมดา ให้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ไหวพริบ กำหนดระยะเวลาที่สั้น และให้ทำสิ่งที่รู้สึกว่าก็จะรู้สึกว่าเป็นไปได้ยาก จะทำให้เกิดความตื่นตัว และท้าทาย ซึ่งแต่ละทีมก็จะมีวิธีการจัดการต่างกันไป ได้เห็นถึงกระบวนการทำงานของแต่ละบุคคล เห็นจุดแข็งจุดอ่อนภายในตัวบุคคล ให้ทีมคิดวิธีแก้ปัญหา และการสร้างเซอร์ไพรส์เป็นช่วงๆตลอดงานจะทำให้เกิดความคาดเดาได้ยาก และทุกคนต้องเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ 4. ให้รางวัลสร้างความภาคภูมิใจ แรงจูงใจคือสิ่งสำคัญที่จะขับดันให้ทุกคนร่วมใจกันทำกิจกรรม เพราะหากไม่มีการให้รางวัลแก่พนักงาน ก็อาจทำให้รู้สึกไร้จุดหมายในการทำกิจกรรม จนเกิดความละเลยในการสร้างทีมสัมพันธ์ การให้รางวัลจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือในการกระตุ้นพนักงานในการทำกิจกรรม และสร้างความภาคภูมิใจในการบรรลุความสำเร็จของการทำงานร่วมกัน บางทีก็จัดให้มีเงินรางวัลเล็กๆน้อยๆ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องให้เงินเสมอไป การที่ได้รับสิ่งของที่ทำมาเป็นพิเศษก็ทำให้ภาคภูมิใจได้ เช่น ให้เหรียญรางวัลให้ผู้ชนะ ถ้วยรางวัลของทีม เป็นต้น 5. จัดกิจกรรมที่ทุกคนต่างชื่นชอบ เมื่อมีกิจกรรมที่ "อยากให้ทำ"เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆแล้ว ก็ควรมีกิจกรรมที่เค้า "อยากทำ" บ้าง เพราะเมื่อมีคนหลายกลุ่มมารวมตัวกัน ก็ควรหาจุดที่จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นกับเรื่องของ "การจัดกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบ" และสามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งถือเป็นการละลายพฤติกรรมและลดช่องว่างระหว่างกัน ทั้งในระดับบุคคลก็ดี ตำแหน่งงานก็ดี หรือช่วงอายุที่ห่างกัน เช่น ถ้าชอบร้องเพลงคาราโอเกะ ก็จัดให้มีหลังอาหารค่ำ ทุกคนก็จะมาร่วมกันเองโดยไม่ต้องบิลท์อารมณ์กันมาก ดีไม่ดี ร้องกันไม่ยอมเลิกเสียอีก ถ้ายังนึกกิจกรรมไม่ออกลองชมคลิปบรรยากาศงาน Team building ของพวกเรา The Collective "Team building is more than just an event, it is a process of fostering "collective growth." ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • เช็คเลย! กฎกระทรวงใหม่ ควบคุมความปลอดภัยอาคาร “ธุรกิจโรงแรม”

    “ธุรกิจโรงแรม” เช็คด่วน “ราชกิจจาฯ” เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยอาคารที่ใช้ประกอบ “ธุรกิจโรงแรม” เผย “แพ เต็นท์ ห้องพัก ยึดตามหน้าผา” ต้องอยู่ในข่ายควบคุมความปลอดภัย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 "ราชกิจจาฯ" เผยแพร่ กฎกระทรวง กำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัย ของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2566 ลงนามโดย "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" รมว.มหาดไทย ให้มีผลบังคับใช้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ และมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการควบคุมอาคาร ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “โรงแรม ” หมายความว่า อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม “ห้องพัก” หมายความว่า ห้องพักของโรงแรมที่จัดไว้เพื่อประโยชน์ในการพักอาศัยเป็นการชั่วคราว ของผู้พัก “ห้องพักรวม ” หมายความว่า ห้องพักและบริเวณหรือพื้นที่ของโรงแรมที่มีผู้พักตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป โดยคิดค่าบริการรายคนและมีการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม โถงทางเดิน “อาคารลักษณะพิเศษ” หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ เพื่อใช้เป็นโรงแรมที่มีลักษณะ แบบ รูปทรง สัดส่วน ขนาด หรือเนื้อที่ แตกต่างจากอาคารที่ใช้เพื่อ การอยู่อาศัย หรือใช้สอย หรือใช้ประโยชน์ตามปกติทั่วไป ดังต่อไปนี้ (๑) แพหรือสิ่งใด ๆ ที่นำมาใช้ประกอบหรือสร้างให้เป็นรูปร่างลอยอยู่ในน้ำได้เพื่อใช้ประโยชน์ ในการประกอบธุรกิจโรงแรม โดยสิ่งดังกล่าวมีลักษณะอยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตนเองได้ และไม่มีโครงสร้างส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งนั้นยึดติดตรึงกับพื้นดินให้อยู่กับที่เป็นการถาวรไม่ว่าจะเป็น พื้นดินใต้น้ำหรือพื้นดินที่ติดต่อกับทางน้ำ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงเรือที่มีลักษณะเดียวกัน (๒) สิ่งที่สร้างขึ้นหรือประกอบขึ้น โดยใช้ผ้าใบ เส้นใย หรือวัสดุแผ่นบาง เป็นส่วนประกอบ ของโครงสร้าง ผนัง หรือหลังคา เช่น เต็นท์ โครงสร้างแบบอัดอากาศ (๓) ซากยานพาหนะที่นำมาปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอย หรือสิ่งที่ประกอบให้เป็น รูปทรงคล้ายยานพาหนะ เช่น รถหรือส่วนพ่วง รถไฟ เครื่องบิน เรือ (๔) ชิ้นส่วนวัสดุสำเร็จรูปที่นำมาประกอบหรือติดตั้ง เช่น ท่อคอนกรีตสำเร็จรูป ตู้คอนเทนเนอร์ (๕) สิ่งที่สร้างขึ้นที่มีความสูงจากพื้นดินตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตรขึ้นไป โดยมีการแขวน การเกาะเกี่ยว การยึดโยง หรือกระทำการอื่นใดในลักษณะเดียวกัน โดยมีการถ่ายแรงกระทำกับสภาพธรรมชาติ หรือโครงสร้างหรือสิ่งก่อสร้างอื่นใด เช่น ห้องพักบนต้นไม้ ห้องพักที่แขวนไว้กับเสาหรือเครน ห้องพักที่ยึดโยงไว้กับหน้าผา หมวด ๑ โครงสร้างหลัก บันได และวัสดุของอาคาร ข้อ ๒ โรงแรมต้องมีโครงสร้างหลักที่มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักบรรทุก ได้อย่างปลอดภัย และต้องใช้วัสดุในการก่อสร้างอาคาร ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังต่อไปนี้ (๑) กฎกระทรวงเกี่ยวกับการกำหนดการออกแบบโครงสร้างอาคารและลักษณะและคุณสมบัติ ของวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคาร (๒) กฎกระทรวงเกี่ยวกับการกำหนดฐานรากของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคาร (๓) กฎกระทรวงเกี่ยวกับการกำหนดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ เว้นแต่จะได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้เป็นการเฉพาะ (๔) กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดิน ที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ๒๕๖๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๓ โรงแรมที่มีมากกว่าสามชั้นต้องมีโครงสร้างหลักและผนังของอาคาร ที่ทำด้วยวัสดุถาวร ที่เป็นวัสดุไม่ติดไฟ โครงสร้างหลักตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงบันไดด้วย ข้อ ๔ บันไดต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) โรงแรมตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป บันไดต้องมีความกว้าง ระยะดิ่งของบันได ชานพักบันได พื้นหน้าบันได ลูกตั้ง ลูกนอน และราวบันได ตามที่กำหนดในข้อ ๒๔ ข้อ ๒๕ และข้อ ๒๖ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) โรงแรมสองชั้นที่มีจำนวนห้องพักในอาคารหลังเดียวกันไม่เกิน ๑๐ ห้อง และจำนวน ผู้พักไม่เกิน ๒๐ คน ถ้ามีบันได บันไดต้องมีความกว้าง ระยะดิ่งของบันได ชานพักบันได พื้นหน้าบันได ลูกตั้ง และลูกนอน ตามที่กำหนดในข้อ ๒๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เหตุผล การประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ รูปแบบการประกอบธุรกิจโรงแรม เปลี่ยนแปลงไปจากการประกอบธุรกิจโรงแรมแบบดั้งเดิม รูปแบบ ลักษณะ และรูปทรงของอาคารที่ใช้ประกอบ ธุรกิจโรงแรมมีความหลากหลาย รวมทั้งมีการนำสิ่งปลูกสร้างอื่นมาให้บริการที่พักแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ในลักษณะโรงแรมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่พักหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับความปลอดภัย เมื่อเข้าใช้อาคารหรือเข้าใช้บริการ สมควรกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่จะนำมาใช้ ประกอบธุรกิจดังกล่าวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับประเภทของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม จึงจำเป็น ต้องออกกฎกระทรวงนี้ คลิกอ่านกฎกระทรวงฉบับเต็มที่นี่ ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • SLEEP SELECT SHOWROOM

    ออกแบบโชว์รูมยุคใหม่ให้เป็น Solution ของการนอนที่สมบูรณ์แบบ Category : Shop Area : 150 sq.m. Year : 2022 รู้หรือไม่? การนอนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือกิจกรรมที่เรากำลังทำอยู่เท่านั้น แต่มันยังสามารถทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เพียงแต่ต้องนอนให้ถูกสุขลักษณะและนอนหลับให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเราในแต่ละวันด้วย เคยได้ยินคำนี้ไหม "ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยการนอน" และใช่ครับ มันช่วยได้จริงๆ แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะ เราเชื่อว่าหลายๆคน คงมีวิธีการพักผ่อนกายและใจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่หนึ่งในนั้นที่ทุกคนต้องมีในลิสต์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง “การนอนหลับ” เพียงแต่เราจะนอนอย่างไรให้เหมาะสมและมีสุขภาพที่ดี บางคนนอนมาก บางคนนอนน้อย บางคนไม่นอน บางคนอยากนอนแต่นอนไม่หลับ ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัยโดยที่เราไม่รู้ตัว จนท้ายที่สุดก็ส่งผลเสียให้กับสุขภาพร่างกายและจิตใจของเราจนได้ แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว แล้วเราควรนอนอย่างไร ให้มีสุขภาพที่ดี? ร้าน Sleep Select แบรนด์ที่นอนใหม่ แต่เป็นมือเก๋าของวงการน่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้ หลังจากที่เราได้รับโจทย์งานออกแบบร้านต้นแบบที่จะเปิดสาขาต่างๆในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ก็ได้นำเสนอแนวทางในการทำร้านในยุคนี้ให้ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ที่การซื้อของนั้นสามารถสั่งได้ด้วยปลายนิ้ว (เดี๋ยวนี้จองบ้านจองรถราคาหลายล้านบาทก็ทำในโทรศัพท์กันแล้ว) การดำรงอยู่ของโชว์รูมในปัจจุบันคงไม่ใช่แค่โชว์สินค้า แต่เป็นสถานที่สร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค (User Experience) และได้สัมผัสของจริงที่โลกออนไลน์ไม่สามารถให้ได้ การวางผังของที่นี่ เราจัดให้ด้านหน้าเป็น Display โชว์สินค้า Gadget ที่เกี่ยวข้องกับการนอน ไล่มาสู่เครื่องนอน อุปกรณ์ต่างๆ จนถึงที่นอนตัวอย่างด้านใน ที่วางไว้ในมุมที่ดูมีความส่วนตัวสักนิดนึง (หลายคนคงรู้สึกแปลกๆเวลาที่ลองนอนบนที่นอนในห้าง แล้วก็มีคนเดินผ่านไปมา) โดยตรงกลางเราจัดให้เป็นเคาน์เตอร์กลม นำเอาการพัฒนาโลโก้ที่ได้รับมาปรับให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ สามารถใช้งานได้รอบด้าน มองเห็นทะลุไปที่ผนังที่มีโลโก้อยู่ด้านหลังเป็นการสร้างมิติให้กับงาน เคาน์เตอร์นี้ยังเป็นพื้นที่ในการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนอน และการแก้ปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพของการนอน หรือปัจจัยอื่นๆที่เราเองคาดไม่ถึง สร้าง Pattern ที่พื้นเพื่อนำสายตาเข้าสู่ภายในร้าน และดึงดูดให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปในพื้นที่ต่างๆภายในร้านอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งก็จะมีผลต่อลำดับของสินค้าที่เราอยากให้ผู้ชมได้สัมผัสทีละอย่าง เป็นการนำเอาเทคนิคทางจิตวิทยา และการออกแบบนิทรรศการมาใช้ประกอบในการจัดลำดับ บรรยากาศโดยรวมของร้านเราใช้โทนสีน้ำเงินที่เป็นสีของแบรนด์ที่ให้ความรู้สึกสงบเป็นหลัก สร้างความรู้สึกนิ่ง แล้วเพิ่มไม้โอ๊คสีสว่างเข้าไป พร้อมกับสีขาว เทาอ่อนเรียบๆละมุนตา ให้เกิดความอบอุ่นภายใน Space แห่งนี้ องค์ประกอบที่นำมาตกแต่งประกอบด้วยเส้นไม้บางโปร่ง ให้ความรู้สึกไม่อึดอัด และใช้เส้นโค้งมน และรูปทรงกลมมาตกแต่งให้นุ่มนวล มีลูกเล่นที่เป็นจุดเด่นของร้านด้วยโคมไฟเหนือเคาน์เตอร์เป็นโมบายของเตียงเด็ก ทำให้ดูน่ารักแต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูเด็กเกินไปนัก ก่อนซื้อต้องได้ลอง ที่นี่มีห้องที่จำลองบรรยากาศของห้องนอนมาเป็นพื้นที่ให้ทดลองนอน และวัดตรวจค่าต่างๆเพื่อหาที่นอนที่เหมาะสมกับสรีระของเรามากที่สุด และนั่งคุยกับผู้เชี่ยวชาญได้ ทำให้เรามั่นใจได้จริงๆว่าเราจะได้ที่นอนและอุปกรณ์ที่เหมาะกับตัวเราจริงๆ Showroom ในยุคปัจจุบันนั้นเป็นมากกว่าการเป็นร้านค้าขายของ เป็นการเติมเต็มสิ่งที่ Online ให้ประสบการณ์นั้นไม่ได้ ประโยชน์ใหม่ของ Showroom จึงเป็นสถานที่สร้าง Experience ที่น่าประทับใจให้กับผู้มาใช้บริการ และสัมผัสกับแบรนด์อย่างแท้จริง ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูในสื่อของ Sleep Select กันได้นะ The Collective Studio Co., Ltd. www.ctstu.com Tel : 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • อนาคตของนกฟ้าทวิตเตอร์ จะเป็นยังไงหลังรีแบรนด์เป็น ‘X’

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชั่วพริบตาของ Twitter โซเชียลมีเดียทรงอิทธิพล เป็นที่ถกเถียงและฮือฮากันอย่างมากทั้งออฟฟิศ เมื่อไอคอนนกฟ้าแสนน่ารักในโทรศัพท์มือถือค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นไอคอนรูปตัวอักษร ‘X’ พื้นหลังสีดำทีละคนๆหลังจากที่ประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนแบรนด์ขนาดใหญ่ที่ทั้งรวดเร็ว และมีรูปแบบ “ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง” แบบที่แทบไม่เคยเห็นแบรนด์อื่นใดบนโลกใบนี้ทำแบบนั้น !!! ว่าแล้วก็ทำให้นึกย้อนไปเมื่อปี 2006 ที่เราเริ่มรู้จัก Twitter เป็นครั้งแรกด้วยโลโก้ที่ใช้ชื่อบริษัทเป็นตัวอักษรสีน้ำเงินตัดกับพื้นหลังสีขาว ดูเรียบง่ายและสะอาดตา ด้วยฟอนต์ที่ดูโค้งนุ่มละมุน ดูเป็น App วัยรุ่นในยุคนั้นโดยแท้ ต่อมาในปี 2010 Twitter ได้ออกแบบโลโก้เป็นนกสีฟ้าขึ้นมาใช้ควบคู่ไปกับตัวอักษรเดิม เติมความสนุกสนาน และความอิสระเสรีเข้าไป จนทำให้ในปี 2012 ที่ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์ม Social Media หลักของโลกที่เข้าถึงคนจำนวนมาก แล้วได้ตัดสินใจลบชื่อบริษัทออกจากโลโก้ เพื่อให้ภาพนกดูมีพลังและสื่อความหมายได้ชัดเจนมากขึ้น คือ ความอิสรภาพและความเป็นไปได้ไม่รู้จบ ในแง่ของแบรนด์ผมว่า โลโก้ตัวนี้ของ Twitter ที่แม้จะดูน่ารัก สดใส แต่ว่าทรงพลังในการนำเสนอคุณค่า (Value) ของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก เพราะถ้าถามผู้ใช้ 9 ใน 10 คนก็จะบอกว่าใช้ Twitter เพราะความรวดเร็วของข้อมูลข่าวสาร และการเข้าถึงที่ไม่ถูกปิดกั้นใดๆ โดยเฉพาะในแง่ของการออกความเห็นต่าง อีกทั้งยังเป็น Community ของคนที่ชอบอะไรเหมือนกันมาสนทนากันโดยไม่ต้องรู้จักอะไรกันมาก เป็นการสนทนาในวงกว้างขนาดที่เกิดดราม่าตีกันข้ามประเทศได้ระหว่างติ่งหรือด้อมทั้งหลาย (แม้จะพูดกันคนละภาษาด้วยซ้ำ) ก็คงเหมือนนกที่เราเห็นว่ามันก็บินโฉบไปมาอย่างอิสระ ส่งเสียงร้องใส่กันโดยที่อาจจะต่างสายพันธุ์กันด้วยซ้ำ บางทีผมนั่งมองนกอยู่นานก็แอบสงสัยว่ามันกำลังสื่อสารกันอยู่ หรือต่างฝ่ายแค่อยากจะส่งเสียงร้องของตัวเองออกมา โดยไม่ได้สนใจเสียงนกของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ… การเข้ามาของ Elon Musk ท่ามกลางสงครามของ Social Media ที่แย่งชิงเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของลูกค้ากันอย่างหนักหน่วง อยู่ดีๆ Elon Musk เศรษฐีระดับโลกก็เข้ามาซื้อกิจการ Twitter แบบที่ทำให้คนทั้งโลกงุนงง เพราะว่าดูแล้วสภาพของ Twitter ไม่น่าจะสร้างผลกำไรให้ได้สักเท่าไหร่ แล้วเขาซื้อทำไม ด้วยความที่ Musk เป็นผู้ใช้ตัวยงของ Twitter อยู่แล้ว จากที่มีคนติดตามอยู่มากมายหลายล้านคน และการทวิตแต่ละครั้งของเขาก็สร้างความสั่นสะเทือนไม่ใช่น้อย ถึงขั้นที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ สั่งห้ามมัสก์ไม่ให้ทวีตเกี่ยวกับกิจการของ Tesla หลังจากทวีตหนึ่งของเขาทำราคาหุ้นสูญหายไป 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ แถมชอบทะเลาะกับชาวบ้านบนนั้น (แว่วๆว่าจะวางมวยกับ Mark Zukerberg เร็วๆนี้) เขาบอกว่าไม่ได้คิดที่จะทำเงินจาก Twitter แต่อยากจะเติมเต็ม ‘ศักยภาพที่ไม่ธรรมดา’ เข้าไป และต้องการเห็น ‘เสรีภาพในการพูด’ มากขึ้นอีก !!! ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเสรีภาพมากกว่าที่เป็นอยู่นี้คือขนาดไหน… แต่เหตุผลแค่นั้นคงไม่มากพอที่จะทำให้ใครสักคนใช้เงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการสักแห่งอย่างแน่นอน เห็นด้วยไหมครับ การเปลี่ยนแปลง Twitter จากนกสีฟ้ามาเป็นตัว ‘X’ เค้าว่าคนเรามักจะมีความชอบ หรือฝังใจกับอะไรสักอย่าง นี่ก็คงเป็นเหตุผลเฉกเช่นเดียวกับที่ Elon Musk คลั่งไคล้ในตัวอักษร ‘X’ ตั้งแต่ตอนที่เริ่มก่อตั้งเว็บไซต์ x.com ในฐานะธนาคารออนไลน์เมื่อปี 1999 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น PayPal และต่อมาในปี 2017 ก็ได้ขอซื้อคืนจาก Paypal ด้วยเหตุผลว่าชื่อนี้นั้นมีคุณค่าทางจิตใจ ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว ก็รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นรูปตัวอักษร ‘X’ ทั้งหมด ทั้งชื่อบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของเขา รวมไปถึงแพลตฟอร์ม Twitter ที่เขาครอบครองอยู่ ซึ่งล่าสุดเขาได้ให้รายละเอียดว่า เป็นการปรับธุรกิจไปสู่แพลตฟอร์มที่กว้างขึ้นสำหรับการสื่อสาร และการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นแอปพลิเคชัน “ที่ทำได้ทุกอย่าง” The Everything ​App. ผมเองก็ยังไม่แน่ใจกับคำว่า “ทำได้ทุกอย่าง” ของเขาจะทำได้แค่ไหน อะไรบ้าง แต่ในมุมของผลิตภัณฑ์มันก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันก็คงไม่สามารถใช้นกฟ้าตัวนี้สื่อสาร “คุณค่า” ขององค์กรได้อีกต่อไป เพราะที่นี่คงไม่ใช่สถานที่แค่เข้ามาเมาท์มอยพูดคุยกันเหมือนเดิม มันจึงต้องการสัญลักษณ์ที่ต้องการสื่อสารความเสรีขึ้นไปอีกระดับ นัยยะของตัว X นั่นค่อนข้างที่จะลึกลับอยู่แล้ว ผนวกเข้ากับสีดำทะมึน ในรูปทรงที่เรียบขรึม ก็ทำให้ Branding ของ ‘X’ นั้นดูตีความได้หลายแบบมาก จากการสอบถามความเห็นรอบตัวปริมาณหนึ่ง แน่นอนหลายคนไม่ชอบ เพราะติดกับ Branding นกฟ้าที่เคยชิน บ้างก็รู้สึกว่าเรียกยาก ดูซ้ำซ้อนกับอย่างอื่น (ในญี่ปุ่นจะใช้ X Japan ไม่ได้เพราะไปขัดกับวงดนตรีที่เป็นยิ่งกว่าศาสดาของคนญี่ปุ่น) ฯลฯ อีกหลายความเห็น แต่ที่น่าสนใจคือบางความเห็นรู้สึกได้ว่าโลโก้ ‘X’ นั้นให้ความรู้สึกถึงความยุติธรรมทางสังคมบางอย่างที่ต่างไปจากโลกความเป็นจริง ซึ่งฟังดูน่าสนใจว่าอาจจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ Musk พยามอยากให้มันเป็นในอนาคต ผมว่าการรีแบรนด์ Twitter ครั้งนี้ไม่ได้ผิดอะไร เพราะการเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ และผู้อยู่รอด คือ ผู้ที่ปรับตัว อาจจะผิดตรงที่มันเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่า Musk จะทำจริง และขาดการสื่อสารสู่ผู้คนไปสักหน่อย แต่นั่นแหละ... Change Happens All The Time. เราจึงต้องเปลี่ยนตัวเอง ก่อนที่จะโดนผู้อื่นบังคับให้เปลี่ยน ในหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป และการรีแบรนด์ของทวิตเตอร์ก็เป็นภาพแทนอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้เห็นความจริงข้อนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม อย่ากลัวที่จะต้องเปลี่ยน The Collective พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาในการปรับปรุงงาน ออกแบบภายใน ตกแต่งภายใน ไปจนถึงการ Renovate Office เพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกข้างหน้าอย่างมั่นใจไปพวกเรา ======================== อัปเดตและติดตามข่าวสารของพวกเราได้ที่ Line : https://line.me/R/ti/p/%40618kfgir Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio Messenger : m.me/thecollectivestudio Instagram : http://bit.ly/3bECtyL Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK Website : https://www.ctstu.com/ Youtube : http://bit.ly/2vDXgC8

  • PATREEDA VILLA 3

    ตกแต่งบ้านวิถีแบบ Modern California Style ที่ภัทรีดาวิลล่า ปทุมธานี 3 Category : Sales Gallery & Show Home Location : Pathumthani, Thailand Area : 145 sq.m. Year : 2023 ต้อนรับสู่โลกของภัทรีดา วิลล่า ปทุมธานี 3 - บ้านตัวอย่างที่เราออกแบบให้ในสไตล์ Modern California! ที่กำลังมาในปี 2023 นี้ เราตื่นเต้นที่จะได้แนะนำให้คุณได้พบกับบ้านตัวอย่างที่มีทั้งความสมบูรณ์และเสน่ห์แห่งสไตล์ Modern California ที่เราออกแบบพื้นที่ภายในบ้าน ให้มี Space การใช้งานที่สบาย และถูกตกแต่งอย่างประณีตในแบบที่คุณจะหลงใหลกับการผสมผสานของความทันสมัยและความอบอุ่นของสไตล์ California ในทุกจุดของบ้านที่ Patreeda Villa 3 แห่งนี้ Modern California Style ---------------------------------------- THE COLLECTIVE STUDIO CO., LTD. Architectural & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

bottom of page