Search Results | TheCollectiveStudio
top of page

Search Results

275 items found for ""

  • CJK CHAIRAK

    งานออกแบบปรับปรุงรีโนเวท CJK ชัยรักษ์ โชว์รูมรถมอเตอร์ไซค์เจ้าใหญ่แห่งเมืองร้อยเอ็ด Category : Retail Location : Roi-et Year : 2018 ก่อนดูเนื้อหาสาระ ให้ดูบรรยากาศการเช็คพื้นที่หน้างานของพวกเรากันก่อน การออกแบบ การออกแบบภายในใช้โทนสี ดำ แดง เทา ส่วนพื้นที่สำนักงาน ส่วนสำนักงาน เราอยากให้เป็นสำนักงานที่บรรยากาศดูโปร่งโล่ง SHOWROOM ส่วนสาขาย่อยเราออกแบบเพื่อให้เหมาะกับงบประมาณในการปรับปรุงสาขาที่มีไม่มาก แต่ว่าต้องการให้ดูโดดเด่น จำได้ง่าย เราเลยเน้นการใช้วัสดุเรียบง่าย เมทัลชีทสีเทา อลูมิเนียมคอมโพสิทสีแดง เพื่อให้โลโก้เด่นชัดขึ้น The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • PFO OFFICE

    Category : Workplace Location : Bang Bon, Bangkok Area : 982.5 sq.m. Year : 2021 . . . "คุณเคยเห็นผลิตภัณฑ์นี้ไหม?" เราว่าหลายคนคงรู้จักแบรนด์น้ำส้มสายชู "อสร." กันเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าตอนนี้ อสร. จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆออกมามากมายนอกจากน้ำส้มสายชู แต่ความเป็น อสร. ก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสีขาวแดง หรือ แม้แต่รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่อยู่บนโลโก้ของแบรนด์เองก็ตาม กาลเวลาล่วงเลยไป 40 ปี ตอนนี้ถึงเวลาปรับโฉมใหม่ให้กับ "สำนักงาน อสร." ให้ดูมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความเป็น อสร. ที่อยู่ในภาพจำของทุกคนเช่นเดิม "เป็นความแปลกใหม่ ที่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้" สำนักงาน อสร. โฉมใหม่ จะสวยทันสมัยขนาดไหน รับชมกันได้เลยครับ . - Foyer - - Kitchen - - Meeting Room - - Restroom - - Canteen - - Accounting - - Marketing - - Executive Room - - Living Area - - Kid's Room - "ความท้าทายในการออกแบบสำนักงานของแบรนด์" คือ จะออกแบบอย่างไรให้ดูแปลกใหม่แต่ยังคงแสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์นั้นได้อย่างชัดเจน The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • ASHTON SILOM

    ตกแต่งคอนโดหรูแบบ Rustic Gentleman ที่ “Ashton Silom” Category : Condominium Location : Ashton Silom Area : 71 Sq.m. Year : 2021 ความท้าทายครั้งใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง!! กับงานตกแต่งห้องในคอนโด ASHTON SILOM ที่ Ananda Development ได้ออกแบบและนิยาม "ASHTON" ให้เข้าใจไว้ว่าไม่ใช่เพียงคอนโดหรู แต่เป็นทรัพย์สินในระดับ The Collectibles หรือสิ่งของที่มีคุณค่ามากเพียงพอให้เก็บสะสมได้ จากห้องที่ว่างเปล่า เราได้รับโจทย์มาว่าอยากได้ห้องมีบรรยากาศแบบ Whiskey Bar ที่ออกแนวคลาสสิกเข้มขรึม แมนๆ แต่ว่าก็อยากให้มีความสนุกสนาน มีสีสัน ผสมกับความหรูหรา และดิบๆอยู่ร่วมกัน เล่นเอาทำให้เราต้องรวมทีมเพื่อหาไอเดียในการทำงานกัน Brainstorm กันอย่างหนักหน่วงจนในที่สุดก็เกิดเป็นแนวคิดในธีม The Rustic Gentleman แนวคิดนี้เราได้รับแรงบันดาลใจ Mood&Tone จากภาพยนตร์เรื่อง KingsMan ที่มี Background ของฉากแบบ Classic เอามาผสมผสานกับองค์ประกอบ และสีสันที่มีความทันสมัยของปัจจุบันอยู่และใส่ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับกับวิถีชีวิตที่รักกิจกรรมแบบ Adventure - EXISTING - - LIVING ROOM - Living Area 360 View - BEDROOM - Bedroom 360 View - INTERIOR - - COMPLETED RENOVATION - งานออกแบบที่พักอาศัยเราต้องดึงเสน่ห์ภายในตัวเจ้าของห้องออกมา บรรยากาศของบ้านก็จะมีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ ---------------------------------------- The Collective Studio Co., Ltd. Architectural & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • PLEASE DON'T TELL [RENOVATION]

    Category : Cafe Location : Khao-Yai, Nakhonratchasima ,Thailand Area : 600 Sq.m. Year : 2022 กลับมาอีกครั้งกับคาเฟ่ Safe House สุดลึกลับ ท่ามกลางป่าเขาใหญ่ หลังจากเปิดทำการไปกว่า 3 ปี เราได้รับมอบหมายให้ปรับโฉมรีโนเวทที่นี่อีกครั้ง ในการออกแบบปรับปรุงครั้งนี้ที่เพิ่มความคลาสสิก และความ Premium เข้าไปในพื้นที่เดิม สร้างบรรยากาศให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น กลายเป็นสถานที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสุดวิเศษที่ไม่เหมือนใคร สำหรับผู้ที่อยากชมงานออกแบบครั้งก่อน เข้าชมได้ที่นี่ >> Please Don't Tell - ENTRANCE - - OUT DOOR AREA - - INTERIOR - - GARDEN - บางครั้งการได้นั่งจิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ก็ทำให้การพักผ่อนรู้สึกดีทีเดียว ไปเขาใหญ่คราวนี้อย่าลืมแวะไป Please Don't Tell Khaoyai กันนะครับ ---------------------------------------- The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • SOULSHI

    ร้าน Takeaway Sushi Party สไตล์เกาหลี Category : Food & Beverage Location : Mingle Mall, Bangkok,Thailand Area : 30 Sq.m. Year : 2021 งานออกแบบร้าน Soulshi ร้านซูชิ Takeaway ที่มาในบรรยากาศแบบเกาหลี ที่ผสมความเป็นผับบาร์เข้าไป จึงทำให้ออกมาเป็นร้านที่สนุกสนานและมีสีสัน แม้จะอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็กก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการสร้างสรรค์บรรยากาศ นอกจากร้านและ Concept ที่เราช่วยเจ้าของร้านกลั่นไอเดียกันเต็มที่แล้ว ยังช่วยนำเสนอโลโก้อีกด้วย เรียกว่าทำงานกับเรานั้นได้ครบจริงๆ ผ่านห้าง Mingle Mall เมื่อไหร่ แวะลองซูชิ ที่ร้าน Soulshi กันนะครับ ---------------------------------------- The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • 2499 CHILL BAR

    Category : Food & Beverage Location : Saraburi ,Thailand Area : 462 Sq.m. Year : 2021 งานออกแบบปรับปรุงร้าน 2499 ชิวบาร์ จังหวัดสระบุรี ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ร้านใหม่ให้สดใสขึ้น แต่ยังคงความสนุกสนานแบบดิบๆของร้านเดิมอยู่ สามารถเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว และกิจกรรมที่น่าสนใจของทางร้านได้ที่เพจ 2499ชิวบาร์ นะครับ ---------------------------------------- The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • Squid game งานดีไซน์ฉากที่เราประทับใจ

    Squid game ซีรีย์ดังที่สร้างกระแสอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ที่ใครหลายคนคงได้ดูกันไปแล้ว นอกเหนือจากเรื่องราวที่กดดัน ตื่นเต้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราสนใจติดตามดูและชอบมากคือ "ฉาก" ในเรื่องนี่เอง ที่นอกจากจะสวย ดูมี Artistic แตกต่างจากเรื่องอื่นๆทั่วไปแล้ว แต่ละฉากยังมีการสื่อสาร และเต็มไปด้วยปริศนาประเด็นต่างๆมากมาย วันนี้เลยอยากมาเล่าแลกเปลี่ยนในจุดที่ชอบกัน เริ่มกันเลย! "ห้องนอน" ห้องนอนในซีรี่ย์ Squid Game ไม่ได้เป็นเพียงแค่ห้องนอนสำหรับไว้นอนยามเหนื่อยจากเกมเท่านั้น แต่กลับแฝงไปด้วยความหมายด้วยความตั้งใจจากผู้ออกแบบฉาก เรารู้สึกว่าห้องนอนของผู้เล่นถูกออกแบบให้เหมือนกับ โกดังเก็บของ นั่นหมายความว่าสถานที่นี้เป็นที่สำหรับสิ่งของที่นำออกมาใช้งาน และทำลายทิ้งได้ เหมือนกับผู้เล่นที่เป็นเพียงหมากในเกมที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งที่บอก และแม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน แต่ก็ถูกนำมาใส่ชุดเหมือนกัน มีเตียงนอนและอุปกรณ์ต่างๆเท่าเทียมกัน "เตียง" เตียงในเรื่องนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นเหมือนขั้นบันได เพื่อเปรียบถึงโลกทุนนิยมที่ใครๆก็พยายามปีนขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้ และยังสอดคล้องถึงรูปแบบของเกมที่เป็นการแข่งขันอีกด้วย เป็นเตียงนอนที่ทำให้ทุกคนสามารถนอนมองลูกบอลที่เก็บเงินอยู่ด้านบนได้ เพื่อไฝ่ฝันให้ได้มา "บันไดวงกต" ก่อนที่ผู้เล่นจะเล่นเกมใดๆจะต้องเดินผ่าน "บันไดวงกต" ซึ่งบันไดนี้เห็นปุ๊บก็รู้ได้เลยว่าาได้แรงบันดาลใจรูปแบบมาจากภาพบันไดของ Escher (ศิลปินแนว Surrealism ที่ชอบเขียนภาพที่ดูหลอกสายตาดูไม่มีที่สิ้นสุด) เพิ่มเติมคือสีสันที่ใส่เข้าไป เป็นตการออกแบบฉากที่ดี เพราะว่าสื่อให้เรารู้สึกว่าเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปโผล่ออกที่ไหน หนีไปไหนก็ไม่ได้ ลานเกม A-E-I-O-U ฉากแรกของการเล่นเกม ที่สร้างความน่าสนใจให้เรา นั่นก็คือลานกว้างที่เป็นสถานที่เล่นเกม A-E-I-0-U พื้นที่นี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงล้อมรอบเพื่อให้เกิดเป็นพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมพร้อมเปิดหลังคาให้เห็นท้องฟ้าภายนอก ทำให้ผู้เล่นไม่ได้รู้สึกระแวงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแม้นิดเดียว การเล่นเกมที่ดูเด็กๆ แต่ยิงกันจริงๆจังๆ ทำให้เกิด Contrast ขึ้นมาในการดำเนินเรื่อง เชื่อว่าหลายคนคงอึ้งๆเมื่อดูถึงฉากนี้ และการสร้างคาแรคเตอร์เด็กผู้หญิงมัดผมแกละ 2 ข้างยืนอยู่ซึ่งได้เเรงบันดาลใจมาจากเด็กในตำราเรียนของเกาหลีขึ้นมา ก็กลายเป็นภาพจำอย่างหนึ่งของซีรีส์ขึ้นมา และนอกจากนี้ยังแอบมีการใบ้ถึงเกมสุดท้ายด้วยสัญลักษณ์ของ Squid game นั่นก็คือกิ๊ฟบนผมหน้าม้าของเด็กหญิง เป็นการใบ้ว่าเมื่อถึงเกมสุดท้ายอย่าง Squid Game ก็จะกลับมาเล่นในฉากนี้อีกครั้งนั่นเอง "ห้องสนามเด็กเล่น" ฉากแกะขนมน้ำตาล จะเห็นว่ารอบตัวของผู้เล่นเต็มไปด้วยเครื่องเล่นหลากหลายที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กเพียงแต่ว่าขนาดของมันใหญ่กว่าปกติเท่านั้นเอง ซึ่งแน่นอนนี่เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของผู้ออกแบบที่อยากจะให้ผู้เล่นเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่วันเด็ก โดยการเพิ่มเสกลของเครื่องเล่นให้ใหญ่ขึ้นให้ดู "Overscale" เราจะรู้สึกได้ว่าผู้ใหญ่ตัวเล็กลงจนกลายเป็นเด็กอีกครั้งนึง จะเห็นได้ว่าการออกแบบสัดส่วนและการใช้สเกลที่ต่างจากปกติ ทำให้เกิดภาพที่ต่างไปได้เลย "ห้องสีขาว" ในซีรีย์เรื่องนี้จะใช้ห้องหนึ่งที่มีลักษณะเป็นสีขาวทั้งห้อง ซึ่งห้องนี้จะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อผู้เล่นต้องเลือกบางสิ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมทีมหรือลำดับการเล่น ลักษณะของห้องนี้แม้จะเป็นสีขาว แต่ดูแล้วกลับสร้างความรู้สึกกังวล ตั้งใจให้ผู้เล่นรู้สึกไม่สบายใจ แสดงให้เห็นว่า Space สีขาวนี่แหละที่ทำให้เกิดความโล่งจนกดดันผู้ที่อยู่ อารมณ์สถานบำบัดจิตที่ผ่านตามาในหนังเรื่องอื่นๆ "ลานชักเย่อ" ห้องที่ใช้สำหรับเกมชักเย่อเป็นอีกห้องที่น่าสนใจ เมื่อทางผู้ผลิตซีรี่ย์ได้ออกแบบโดยการเล่นกับระยะความสูงและสเกลให้ลานชักเย่อมีความสูงที่ค่อนข้างสูงและขนาดลานชักเย่อที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อช่วยให้นักแสดงได้สัมผัสและแสดงออกถึงความกลัวแล้วความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเต็มที่มากขึ้น และด้วยฉากที่ดำมืดมีเพียงสะพานอยู่ 2 ฝั่ง ก็เป็นการเน้นเส้นสายของทิศทางการเคลื่อนไหวของตัวละครได้เป็นอย่างดี "สะพานกระจก" อีกหนึ่งฉากที่เป็นที่จดจำในเรื่องนี้ ในฉากมีการทำสะพานกระจกขึ้นมาและให้ผู้เล่นได้เดาว่ากระจกฝั่งไหนหากกระโดดไปแล้วจะไม่แตก เป็นฉากนึงที่ชอบนะ เป็นการสร้างบรรยากาศโรงละคร Circus ขึ้นมา อ่านพบมาว่า เบื้องหลังได้มีการทำสะพานกระจกไว้ถึง 2 รูปแบบ ในแบบที่สูงจริงตรงตามในซีรี่ย์ กับอีกแบบที่สูงจากพื้นเพียงแค่ 1 เมตรเท่านั้น เป็นความสูงที่อาจจะตกลงมาได้แต่ไม่เป็นอันตรายและยังส่งผลให้นักแสดงสามารถแสดงความรู้สึกกลัวออกมาจากทางสีหน้าได้อีกด้วย "เกมลูกแก้ว" เกมลูกแก้วหรือที่เรียกกันว่า "กันบู" เป็นฉากที่มัคนพูดถึงกันมากอีกหนึ่งฉากเลยล่ะ เพราะในเนื้อเรื่องฉากนี้ค่อนข้างบีบหัวใจของใครหลายๆคน นอกจากนี้ยังสร้างบรรยากาศโดยรอบให้เป็นหมู่บ้านเกาหลีในยุค 70-80 เพื่อให้ตัวละครได้ระลึกถึงวัยเด็กที่เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน ทำให้เราเองก็นึกถึงสมัยเด็กที่เล่นกับเพื่อนๆแถวๆบ้านเหมือนกัน ฉากนี้เป็นฉากที่ดูต่างจากตอนอื่นๆตรงที่ทำให้ดูเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น ไม่แข็ง หรือเวิ้งว้างแบบตอนอื่นๆ แต่้ทายที่สุดกลับสร้างความรู้สึกเจ็บปวดได้มากกว่าตอนอื่นๆเยอะเลย "ภาพใบ้เกมบนผนัง" เบื้องหลังเตียงจำนวนมากภายในห้องนอนของผู้เล่น มีภาพใบ้เกมต่างๆแอบซ่อนไว้ เมื่อเกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆด้วยจำนวนผู้เล่นที่ลดลงทำให้จำนวนเตียงถูกลดลงด้วย ภาพต่างๆที่ถูกเตียงบดบังไว้จึงค่อยๆเผยออกมาทีละนิด เหมือนเกมต่างๆที่ถูกเฉลยออกมาเรื่อยๆตามลำดับของเกมนั่นเอง แหม จริงๆไล่ดูแต่ละมุมก็รู้ทางรอดกันแล้ว... ส่วนตัวเราชอบใน Art Direction ของซีรี่ส์เรื่องนี้นะ มีการออกแบบองค์ประกอบศิลป์ในฉากต่างๆได้น่าสนใจดี ส่วนเนื้อเรื่องก็มีบางจุดที่รู้สึกขัดๆกับความรู้สึกเล็กน้อยในตอนท้าย แต่ก็ไม่เป็นไรความชอบของแต่ละคนก็ต่างกันไปนะ และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่เรารู้สึก และสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่ผู้ออกแบบฉากต่างๆใน Squid game ซึ่งการออกแบบสิ่งใดก็ตาม หากสามารถส่งผลต่อความรู้สึกของมนุษย์ได้ ก็ถือว่าการออกแบบนั้น "Complete" แล้วล่ะ The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • พื้นไม้ประเภทไหน? ที่เหมาะกับบ้านคุณ

    หลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า "อยากมีบ้านสักหลัง แต่เราจะเลือกวัสดุปูพื้นยังไงดีนะ??" หรือแม้แต่ตอนที่เราไปเลือกซื้อบ้าน แล้วเจอพื้นลักษณะนั้นๆ "มันจะคงทนหรือเปล่านะ??" บทความนี้จะคลายข้อสงสัยของทุกคนให้เอง เราเชื่อว่าทุกคนมีความทรงจำเกี่ยวกับพื้นต่างกันตามประสบการณ์ที่เกิดขึ้นและความชอบของแต่ละบุคคล สมัยก่อนที่เราเห็นก็จะมีไม้จริง ไม้ปาร์เกต์ กระเบื้องต่างๆ หินอ่อน เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน เรามีทางเลือกมากมายในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งาน พื้นไม้ในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทมากๆ 1.พื้นไม้จริง 2.ไม้เอ็นจิเนียร์ 3.ไวนิล (แบบติดกาว/แบบคลิกล็อค) 4.ลามิเนต 5.SPC 6.กระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้ เรามาเริ่มกับประเภทแรก "พื้นไม้จริง" ที่เราคุ้นเคยกันดีกว่า พื้นไม้จริง ของแท้ย่อมแสดงถึงสัจจะวัสดุได้ดีที่สุด ไม้จริงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและลวดลายสวยงามดูเป็นธรรมชาติ ไม้ส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาใช้ทำพื้นจะเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า และไม้สักมีความแข็งแรงทนทาน แต่ไม้จริงจะมีการยืดหดตามสภาพอากาศ รวมถึงข้อจำกัดเรื่องสีของไม้เพราะปัจจุบันไม้ค่อนข้างหาได้ยากกว่าสมัยก่อนมาก และยังมีปัญหาเรื่องปลวกตามมาอีกด้วย ราคาของไม้จริงอยู่ที่ประมาณ ตารางเมตรละ 3,500 - 9000 บาท เลือกได้หลายแบบ ทั้งที่ซื้อจากร้านไม้โดยตรงให้ช่างทำ หรือไม้ที่มีแบรนด์ เช่น TS-Teak เป็นต้น ประเภทที่ 2 ไม้เอ็นจิเนียร์ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ไม้เอ็นจิเนียร์จะมีความหนาประมาณ 3 มม. เกิดจากการนำแผ่นไม้จริงบางๆ หลายแผ่นมาวางซ้อนทับโดยทำมุมไขว้กันไปมา เพื่อสร้างความแข็งแรง สีสันมีความหลากหลาย ไม้เอ็นจิเนียร์ที่ขัดทำสีเสร็จแล้วจะสามารถติดตั้งหน้างานได้เลย และหากชำรุดสามารถเปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ แม้ว่าตัววัสดุชิ้นนี้จะทำจากไม้จริงแต่ก็ไม่สามารถขัดผิวหน้าทำสีใหม่ได้เหมือนไม้จริง หากต้องการติดตั้งไม้ประเภทนี้ควรเลือกยี่ห้อที่มีการเคลือบผิวหน้าที่ดีและทนทานต่อการใช้งาน ราคาของไม้เอ็นจิเนียร์จะเริ่มต้น 1,190 บาท ประเภทที่ 3 ไวนิล (แบบติดกาว/แบบคลิกล็อค) พื้นไวนิล ไวนิล หรือ กระเบื้องยาง ทำขึ้นขึ้นจากยางสังเคราะห์ หากมองด้วยตาเปล่าจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริงเนื่องจากทำลวดลายให้เหมือนไม้ แต่ด้วยตัววัสดุทำจากยางทำให้ผิวสัมผัสมีความลื่นไม่เหมือนไม้จริง เมื่อเดินด้วยเท้าเปล่าจะรู้สึกกระด้าง โดยกระเบื้องยางจะแบ่งเป็น 2 แบบ แบบที่ 1 คือ แผ่นใหญ่ ส่วนใหญ่มักจะใช้กับงานห้างสรรพสินค้า โรงหนัง แบบที่ 2 แผ่นยาว ต่อกัน มักใช้กับงานบ้านพักอาศัย ปัจจุบันกระเบื้องยางได้ถูกพัฒนาให้มีความสวยงามมากขึ้น ราคาไม่แพง หากชำรุดสามารถซ่อมได้ง่าย และเมื่อเกิดความเสียหายสามารถเปลี่ยนเฉพาะเเผ่นนั้นๆได้เลย โดยพื้นไวนิลหรือกระเบื้องยาง จะถูกแบ่งออกเป็นแบบแบบทากาว (Dry Back) กับแบบคลิ๊กล็อค (Click Lock) ข้อแตกต่างของทั้ง 2 แบบ คือ แบบทากาว ราคาถูกกว่าแบบคลิ๊กล็อค ดูแลรักษาและแก้ไขได้ง่ายกว่า และลวดลายมีความหลายหลาย ส่วนแบบคลิ๊กล็อค สามารถติดตั้งได้โดยที่ไม่ทำให้พื้นเดิมเกิดความเสียหาย สามารถติดตั้งในห้องที่มีความชื้นได้ หากรื้ออย่างระมัดระวังจะสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ราคาของไม้ไวนิลแบบทากาวอยู่ที่ประมาณ 350-490 บาท และแบบคลิ๊กล็อคอยู่ที่ประมาณ 600-790 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น Rectango , BFM , Ekon7(แบรนด์ Eco-click และ b-click) เป็นต้น ประเภทที่ 4 ลามิเนต ที่มา พื้นลามิเนตเกิดจากการหาวัสดุมาใช้ทดแทนไม้จริง ซึ่งจะประกอบไปด้วยวัสดุทั้งแบบธรรมชาติและแบบสังเคราะห์ผสมกัน ให้ความรู้สึกที่คล้ายไม้จริงแต่การยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริง นอกจากนี้ลามิเนตยังมีราคาถูกที่สุดในบรรดาวัสดุพื้นลายไม้ แต่ความทนทานแข็งแรงก็น้อยที่สุดเช่นกัน ข้อควรระวังหากช่างปูไม่มีการปรับระดับไม้หรือมีการปรับระดับไม้ได้ไม่ดีพอ จะให้ทำรู้สึกว่าพื้นยวบลงเวลาเดิน คล้ายพื้นพองออกมา ราคาของไม้ลามิเนตเริ่มต้นที่ 400 บาท ประเภทที่ 5 SPC พื้น SPC พื้น SPC จะประกอบไปด้วย พลาสติกบริสุทธฺ์ผสมกับหินปูนขาว โดยผ่านกระบวนการหลอมเหลวผสมและอัดเป็นชั้นๆ ด้วยความร้อยและความดันสูง เพื่อให้วัสดุคงตัวและอบด้วยตู้อบ มีคุณสมบัติที่เหนียว ยืดหยุ่น มีความทนทานและแข็งแรงสูงมาก โดยผิวหน้าของพื้นถูกออกแบบมาให้ใช้ลวดลายของไม้ที่แตกต่างกันออกไป มีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่โทนสีอ่อนไปจนถึงโทนสีเข้ม ที่สำคัญคือเป็นพื้นที่มีการเคลือบผิวชั้นบนด้วยวัสดุ Wear Layer รองรับการขีดข่วนได้ดีพอสมควร เช่น เมื่อขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็หมดปัญหาเรื่องพื้นเป็นรอย ผุกร่อน แตกหัก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรง ไม่ยืดหดหรือขยายตัว ทนทานต่อความชื้น น้ำ และไฟ ลวดลายสวยงาม ผิวสัมผัสดีกว่าพื้นไม้ทั่วไป เมื่อสัมผัสตัวกระเบื้องยาง SPC จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากพื้นไม้จริงหรือพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป แม้ภายนอกจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ผิวสัมผัสของพื้นไม้ SPC จะดีกว่า เรียบเนียนกว่ามากๆ ดูแลรักษาง่าย ติดตั้งสะดวก สามารถปูพื้นใหม่หรือปูทับวัสดุเดิมได้ เนื่องจากใช้ระบบ Click-Lock ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งได้ดี รื้อถอนก็ง่ายกว่าพื้นแบบอื่น ไร้สาร Formaldehyde ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งพบเจอได้บ่อยในวัสดุการสร้างบ้านและอาคาร ข้อควรระวังสำหรับพื้น SPC ควรหลีกเลี่ยงการขัด-ถู ลงแว๊กซ์ หรือขัดมันอย่างเด็ดขาด และการลากเฟอร์นิเจอร์ที่ขาดการติดตั้งที่ถูกวิธีหรือปราศจากแผ่นสักราด อาจทำให้พื้นเกิดรอยได้ ควรระมัดระวังความเสียหายที่เกิดจากของหนักตกหรือหล่นกระแทกพื้นรอยขีดข่วนจากของมีคม หากบริเวณที่มีแสงแดดจัดควรมีผ้าม่าน หรือมู่ลี่กันแสงแดดส่องถึง ก่อนติดตั้งควรเช็คระดับของพื้นที่ที่จะติดตั้ง spc ควรเรียบเสมอกัน หากพื้นไม่เสมอกันอาจทำให้พื้นยวบและทำให้อายุการใช้งานน้อยลงได้ ราคาของ SPC อยู่ที่ประมาณ 550-790 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น Rectango , Ekon7 เป็นต้น ประเภทสุดท้าย ประเภทที่ 6 กระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้ กระเบื้องเซรามิค จะมีทั้งแบบเคลือบ และ ไม่เคลือบ สามารถปูบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นไม้ได้โดยใช้กาวติดกระเบื้องยึด ปัจจุบันมักนิยมนำมาใช้ปูพื้นในห้องครัว และห้องน้ำ ตัวกระเบื้องแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน แบบเคลือบหากเปียกน้ำจะมีความลื่นและดูดซึมน้ำสูง หากรื้อแล้วไม่สามารถนำมาปูใหม่ได้ และไม่เหมาะกับพื้นที่ๆได้รับน้ำหนักเยอะ กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคชนิดหนึ่งที่เป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่นๆ และแกรนิโต้ยังเป็นกระเบื้องที่ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดังนั้นเมื่อถูกกระเทาะจะ สังเกตได้ว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในจะเป็นสีเดียวกันกระเบื้องแกรนิโต้แข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติการรับน้ำหนักได้สูง เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรทั่วไป แต่ค่าปูกระเบื้องประเภทนี้จะแพงมากกว่ากระเบื้องแบบอื่นๆ เพราะปูค่อนข้างยากกว่า อย่างไรก็ตามด้วยวัสดุที่เป็นกระเบื้องจะไม่ให้ความที่รู้ที่เป็นไม้เหมือนพื้นประเภทอื่นๆที่ผลิตจากไม้จริงๆ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อไม่ใช่วัสดุที่ทำจากไม้ก็จะสามารถทนความชื้นได้มากกว่าพื้นไม้ประเภทอื่นเช่นกัน ราคาของกระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้อยู่ที่ประมาณ 300-1200 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น WDC , Thai soung เป็นต้น ความหลากหลายของวัสดุปูพื้นถูกแบ่งออกเป็น วัสดุที่ทำจากไม้ และวัสดุแบบไม่ได้ทำจากไม้เช่น ยาง หรือส่วนผสมสังเคราะห์ต่างๆ โดยพื้นไม้แต่ละชนิดมี ”สีสันและความสวยงาม” ที่แตกต่างกัน โดยไม้จริงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของสี เนื่องจากสีจะเป็นไปตามชนิดของไม้นั้นๆ รองลงมาจะเป็นพื้นไม้ประเภทอื่นๆที่ผลิตจากไม้จริง ที่นิยมกันก็จะเป็นไม้ลามิเนต เนื่องจากมีผิวสัมผัสที่คล้ายกับไม้จริงและมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย “ผิวสัมผัส” ก็เช่นกัน หากวัสดุถูกผลิตจากไม้จริงก็จะทำให้คล้ายกับไม้จริงมากกว่า ต่างจากกระเบื้องยางหรือกระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้ลายไม้ ที่จะให้พื้นผิวทีเงาและลื่นกว่าไม้จริง ในเรื่อง ”ความแข็งแรงทนทาน” ไม้จริงจะมีความคงทนและแข็งแรงมากกว่า แต่ก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน แต่ถ้าเป็นลามิเนตจะมีความทนทานน้อยที่สุดในด้านการทนแรงกระแทกและพรอยขีดข่วน ปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมาย ตามความชอบและเหมาะสม แต่ไม่ว่าพื้นประเภทไหนก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน หากเราดูแลรักษาพื้นก็จะสวยแล้วอยู่กับเราไปได้นานแน่นอน The Collective Studio Co., Ltd. Architectural & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • ZHULIAN RENOVATE

    งานออกแบบรีโนเวท Zhulian New Look Category : Retail Location : Thailand Area : 120 Sq.m. Year : 2021 1st Floor The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • HONG SIENG KONG

    กำเนิด "ฮง เซียง กง" [Hong Sieng Kong] งานบูรณะอาคารโบราณให้เป็นคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของตลาดน้อย Category : Cafe & Art Gallery Location : Bangkok ,Thailand Area : 1,450 Sq.m. Year : 2021 เริ่มจากจากลูกค้าเก่าของเราที่เคยออกแบบให้ในโครงการ Panda Market โทรมาหาเราในวันหนึ่ง บอกว่ามีโครงการที่อยากจะปรับปรุงอาคารเก่าของครอบครัวย่านเซียงกง อยากให้มาช่วยดูว่าจะทำโครงการนี้อย่างไรดี ตามสไตล์เราก็ไม่รีรอ งานที่ดูสนุกและท้าทายทำให้เราวิ่งเข้าใส่เสมอ.. งานสำรวจพื้นที่ เมื่อเราได้เข้าไปดูพื้นที่ทำให้เราตื่นเต้นมาก เพราะว่าสภาพพื้นที่เดิมนั้นให้ความรู้สึกที่หลากหลายมาก เมื่อดูด้านหน้าทางเข้านั้นเป็นอาคารสไตล์จีนสองคูหา แต่เมื่อเข้าไปด้านในนั้นกลับเป็นพื้นที่อาคารโถงสูงที่มีหลายห้อง เมื่อเดินผ่านอาคารที่มืดทึมและซับซ้อนจนมาสุดพื้นที่กลับได้เจอวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่โปร่งโล่ง มีวิวที่สวยงาม เฮ้ย!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย ที่สำคัญหลายอาคารมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอาคารจนกลายเป็นต้นใหญ่โตหลายต้น ที่เราบอกเลยว่าอย่าตัดทิ้ง เพราะสิ่งนี้จะเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ยังไม่พอ เมื่อเดินเลาะริมน้ำไปกลับพบอีกอาคารชั้นเดียวที่เดินเข้าไปก็จะพบกับคอร์ทและอาคาร 2 ชั้น อยู่ด้านใน!!! ด้วยความที่เจ้าของโครงการมีกิจการขายวัตถุโบราณ จึงอยากทำสถานที่แห่งนี้ให้เป็น Art Gallery และมีคาเฟ่ร้านอาหารอยู่ที่นี่ด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานที่ที่ดูลึกลับซับซ้อนแห่งนี้ดี อยากได้ไอเดียดีๆจากเรา เราเข้าใจดีว่าการคิดจะทำอะไรสักอย่าง แม้ว่าเราอาจจะมีความคิดอยู่ประมาณหนึ่งแต่ทางเลือกในการทำนั้นมีมากมาย แต่ทางไหนล่ะคือสิ่งที่เหมาะที่สุด วันนั้นผมกลับไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสทำงานปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ และเริ่มวางแผนสำหรับการทำงานทั้งหมดทันที เราคิดว่างานนี้ต้องการมืออาชีพเข้ามาช่วยสำรวจ เพราะว่าสถานที่เช็ครายละเอียดค่อนข้างยาก จึงให้ทีมงาน PJ Survey&Construction ที่มีความพร้อมในการทำงาน เข้ามาช่วยทำการสำรวจเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้องและแม่นยำ เริ่มจากจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ทำจิตแข็งๆแล้วก็เริ่มงานกันเลย... ***แอบเล่าเรื่องชวนขนลุกนิดนึง*** ครั้งนึงที่พาหัวหน้าทีมสำรวจไปก่อนเริ่มงาน ไปดูหน้างานกันแค่ 3 คน หัวหน้างาน (เสื้อน้ำเงิน) บอกภายหลังว่าเค้าเห็นชายแก่คนหนึ่งเดินตามผมขึ้นไปบนอาคาร 2 ชั้น ด้านหลัง และคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดิมของที่นี่แน่ๆ (แต่ผมไม่เห็นนะ) คิดว่าเค้าคงอยากดูว่าพวกเราจะทำงานเป็นอย่างไร เลยอยากทำงานนี้ให้กับ"เจ้าของสถานที่"แห่งนี้ให้ดีที่สุด หลังจากสำรวจไซท์ได้ข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้ว จึงทำให้เราเห็นภาพรวมรายละเอียดและข้อจำกัดของแต่ละพื้นที่ เอามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจที่จะจัดสรรพื้นที่นั้นอย่างไรให้เหมาะสม Project Direction Key Point คือ "จะสร้างจุดสนใจให้เราต่างจากผู้อื่นอย่างไร?" เพราะย่านนี้ก็มีร้านกาแฟ และสถานที่ให้เยี่ยมชมมากมาย แค่การเป็น Art Gallery / Cafe / Restaurant อาจจะยังมีแรงดึงดูดไม่พอ แต่อย่างหนึ่งจากประสบการณ์ที่ได้มาเยี่ยมชมย่านนี้อยู่บ่อยครั้ง ปัญหาคือ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะโดยทำเลสามารถเดินทางมาได้จากหลายจุด ผมเลยคิดว่าเราต้องบอกผู้อื่นว่าเราคือ Center Point & Information Center ที่อาจจะเป็น Heritage Cultural Education Center ของตลาดน้อย และย่านเซียงกง เราก็จะแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆที่มีอยู่ในย่านนี้ และทำให้คนต้องมาที่นี่ก่อนที่จะเดินไปยังจุดอื่นๆ และสิ่งสำคัญในการทำให้เกิดสิ่งนั้นได้คือการสร้างพื้นที่บางส่วนให้เป็น "Public Space" เช่น มีลานที่สามารถจัดให้เกิดงานอีเวนต์ทางด้านศิลปะได้ในวันหยุด (Weekend Art&Craft Market) ก็จะทำให้เกิดการดึงผู้คนให้เข้ามาภายในโครงการได้จากหลายช่องทาง ดังที่เห็นได้จากหลายๆโครงการในต่างประเทศที่ปรับปรุงอาคารเก่าแล้วประสบความสำเร็จที่ยั่งยืน และองค์ประกอบที่สำคัญคือการสร้าง "WoW Factor" สิ่งที่น่าสนใจในโครงการ ด้วยการใส่องค์ประกอบสมัยใหม่ กราฟฟิกที่ทันสมัยเข้าไป เพื่อสร้างความขัดแย้งขึ้นมาในสถานที่เก่า เพื่อให้ที่นี่ดูไม่เป็นอาคารโบราณที่ดูธรรมดา และทั้งหมดเป็นเหตุผลว่า "ทำไมคนมาเดินตลาดน้อยต้องมาที่นี่" การสร้างตัวตน และออกแบบตราสัญลักษณ์ เมื่อได้แนวทางของโครงการแล้วก็เริ่มที่จะคิดกันต่อถึงชื่อว่าจะเป็นอะไรดี ซึ่งทางเจ้าของโครงการก็ให้เราช่วยเสนอไอเดียให้หน่อย ในความคิดของผมนั้น สิ่งแรกคือต้องแสดงออกถึงความเป็นย่านนี้ สิ่งที่สองคือแสดงความเป็นตัวเอง แต่!!! ไม่ควรจะกำหนดว่าเราต้องเป็นอะไร เพราะลักษณะโครงการแบบนี้มันสามารถปรับเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ ถ้าเราไปกำหนดมันจะดูเป็นการบังคับตัวเองมากเกินไปว่าเป็น คาเฟ่ ร้านอาหาร หรือสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ ฯลฯ ก็เลยคิดให้ว่าน่าจะใช้ชื่อคุณพ่อ "ฮง" มารวมกับชื่อย่าน "เซียงกง" เลยเป็นที่มาของคำว่า "ฮง เซียง กง" ก็ฟังดูเป็นภาษาจีน 3 พยางค์ที่เรียกง่าย ติดหู ฟังแล้วรู้เลยว่าอยู่ที่ไหน แถมบอกตัวตนเราด้วย ซึ่งก็ถูกใจเจ้าของ ขายทีเดียวผ่านฉลุย ในเวอร์ชั่นแรกของชื่อที่เราเสนอไปเป็น "Hong Xieng Gong" (ซึ่งเราว่ามันเท่ดี) ก่อนที่จะปรับมาลงตัวที่คำว่า "Hong Sieng Kong" เมื่อสรุปชื่อได้แล้ว เราเลยได้ให้ทีมงานกราฟฟิกดีไซน์ของ a publicist มาช่วยกันพัฒนาแบบโลโก้ ที่น่าจะสะท้อนถึงวัฒนธรรม และชุมชน ซึ่งก็ได้คิดกันหลายแนวทาง ตั้งแต่การใช้ตัวตึกมาทำให้ร่วมสมัย จนถึงเอาองค์ประกอบสถาปัตยกรรมต่างๆมาใช้ จนได้ข้อสรุปออกมาเป็นแนวทางของการนำเอาตัวหนังสือมาทำเป็นตราประทับแบบจีน แต่ใช้เป็นภาษาอังกฤษปรับรูปแบบให้ดูร่วมสมัยขึ้น พัฒนาหลายแบบจนเป็นเวอร์ชั่นที่ใช้ปัจจุบัน การออกแบบ วางผังโครงการ เมื่อได้ข้อมูลมาครบถ้วนแล้วก็ถึงเวลาออกแบบ โดยวางผังโดยแบ่งพื้นที่ใช้สอยในโครงการออกเป็นดังนี้ อาคารต้อนรับด้านหน้า จัดให้เป็นอาคารต้อนรับ Information Center อาคารกลางให้เป็น ​Open Air Cafe ที่เป็นจุดเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่างๆ อาคารชั้นเดียวริมแม่น้ำให้เป็น Air Condition Cafe อาคารบริการ 2 ชั้นทางทิศเหนือให้เป็นห้องน้ำ และส่วนบริการ ส่วนอาคารไม้เก่าที่ผุพังเปลี่ยนให้เป็ลาน Open Space ลานริมน้ำ ​Private House อาคารต้อนรับ Information Center เดิมเราพบว่าอาคารทาสีฟ้าอยู่ สลับกับสีน้ำเงินที่บานประตู ซึ่งก็ดูไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก็อยากจะเก็บเอาคาแรคเตอร์นั้นไว้ เราจึงออกแบบให้ทาสีอาคารเป็นสีน้ำเงิน แล้วใช้บานประตูเป็นสีไม้แทน จะทำให้เกิดความชัดเจนของอาคารมากกว่า และด้านในก็เก็บสภาพเดิมๆไว้ เทพื้นคอนกรีตใหม่ให้ได้ระดับ ก็เพียงพอที่จะทำให้ห้องนี้ดูน่าสนใจได้ ซึ่งเดิมเราออกแบบให้เป็นพื้นที่กึ่ง Public ที่ให้คนจะเข้ามาชมข้อมูลเกี่ยวกับย่านเซียงกง และตลาดน้อยแห่งนี้ สลับกับการจัดนิทรรศการศิลปะของศิลปินสมัยใหม่ต่างๆด้วย เพื่อให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของชุมชนแห่งนี้ได้ Cafe อาคารนี้เดิมเป็นโถงสูง แต่ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงแล้วเลยเสนอให้รื้อออกแล้วทำใหม่ โดยตั้งเสาที่พื้นแทนที่จะตั้งบนผนังก่ออิฐแบบเดิม และเราอยากให้เป็นอาคารเปิดโล่งให้ผู้ที่มาได้สัมผัสกับลมธรรมชาติที่พัดผ่านจากแม่น้ำเข้ามาภายใน แล้วจัดวางที่นั่งสลับกับงานศิลปะ ให้คนได้มาเดินชมไปด้วย อาคารริมน้ำ อาคารชั้นเดียวนี้เราเสนอให้เป็นห้องปรับอากาศ เพื่อเป็นที่พักหากอากาศร้อน และเป็นห้องรับประทานอาหารกึ่ง VIP ที่นำเอาเสาไม้จากอินเดียมาวางเพื่อสร้างให้เกิด "Space in Space" Outdoor Public Space พื้นที่ส่วนนี้เดิมเป็นอาคารไม้ที่ผุพัง เราได้ออกแบบให้รื้ออาคารออกไป ให้เป็นพื้นที่โล่ง ทำให้พื้นที่โดยรวมของโครงการมีความโปร่งขึ้น อากาศพักผ่าน ไม่ร้อน ลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ การเปิดโล่งนี้ทำให้เปิดให้เห็นอาคารสองชั้นที่อยู่ด้านหลัง เพิ่มมุมมองที่น่าสนใจ และทำให้โครงการนี้ดูมีคุณค่ามากขึ้น และพื้นที่โล่งนี้สามารถจัดกิจกรรมในวันหยุดได้ คงดีถ้ามีอีเวนต์เกี่ยวกับงานศิลปะที่นี่ คงจะทำให้โครงการมีชีวิตชีวาขึ้นจากการผสมผสานของศิลปะยุคเก่าและใหม่ ทำให้เกิดการดึงคนจากหลากหลายกิจกรรมเข้ามาร่วมกัน และด้วยความที่ต้องการให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรม เราเลยจัดวางต้นไม้ให้เป็นแนวตรงกัน เลือกต้นที่มีรูปทรงสูงผอม เพื่อที่จะไม่เกะกะพื้นที่ด้านล่าง แล้วโรยกรวดทับพื้นที่เดิมให้ดูเรียบโล่ง เหมาะกับการจัดวางงานศิลปะต่างๆ เราได้เพิ่ม Outdoor Kitchen ขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนทำอาหารเพื่อรองรับภายในโครงการ ซึ่งก็ได้ออกแบบให้เป็นโครงเหล็กเรียบง่ายที่ดูแตกต่างจากอาคารเดิม ผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน Private House ด้วยความที่พื้นที่โครงการที่ค่อนข้างกว้าง เราจึงแบ่งให้อาคารด้านในเป็นพี้นที่ปิด สำหรับเช่าพื้นที่จัดงานส่วนตัว เช่นงานแต่งงาน ยกน้ำชา หรือถ่ายภาพ Pre Wedding ทำให้สามารถสร้างรายได้ให้กับโครงการได้ด้วย หรือเปิดใช้เป็นส่วนรับประทานอาหารเพิ่มในบางโอกาส Work in Progress งานก่อสร้างโครงการนี้ทั้งหมดทางเจ้าของโครงการเป็นผู้จัดหาช่าง และควบคุมงานก่อสร้างเองทั้งหมด ทางเราจะเป็นผู้ที่ช่วยให้คำแนะนำระหว่างการก่อสร้าง และเข้าไปดูความคืบหน้าโครงการเป็นระยะๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงแต่ละช่วงเวลาของสถานที่แห่งนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ และงานปรับปรุงนั้นเจ้าของโครงการก็ได้มีการปรับเปลี่ยนแบบในหลายๆส่วนระหว่างก่อสร้าง เช่น เปลี่ยนพื้นที่ Information Center ด้านหน้าให้เป็นส่วนบาร์ และเคาน์เตอร์กาแฟแทน รวมถึงการเลือกวัสดุ และการตกแต่งต่างๆตามความต้องการและรสนิยมของตัวเอง ก็เลยทำให้งานที่ออกมาอาจจะเปลี่ยนไปจากแนวทางที่นำเสนอไปตอนต้นบางจุด ในแง่ของการอยากให้พื้นที่เป็นกึ่ง Public และองค์ประกอบของศิลปะ รวมถึงการใช้วัสดุสมัยใหม่ให้เป็นตัวสร้างความน่าสนใจ และเล่าเรื่องภายในโครงการ แต่โดยภาพรวมก็ออกมาสวยงามตามสไตล์อนุรักษ์นิยม สามารถเข้าไปชมภาพเพิ่มเติมในเพจ ฮงเซียงกง ได้นะครับ การทำงานปรับปรุงอาคารเก่าเพื่อทำให้เรื่องราวในอดีตฟื้นคืนชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเพียงคนเดียวได้ ต้องการแรงกายแรงใจ แรงสมองจากผู้คนมากมายเพื่อคิดหาแนวทางที่ดีที่สุดจากหลายมุมมองในการพัฒนาโครงการขึ้นมา เพราะสิ่งที่เรายึดถือเสมอคือ การสร้างโครงการที่มีคุณค่า โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ และขอบคุณทีมงานทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมกันทำงานมา ณ ที่นี้ด้วยครับ กอบชัย ลิมปนเทวินทร์ ---------------------------------------- The Collective Studio Co., Ltd. Architecture & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

  • THE COLLECTIVE STUDIO ได้รับรางวัล International Property Award 2021

    ขอบคุณ GROHE ที่ได้แวะมามอบรางวัลในฐานะผู้สนับสนุนหลักของเวทีระดับโลก International Property Awards ประจำปี 2020-2021 ที่ผ่านมากับรางวัล Best Office Interior จากผลงาน Spore Bangkok Office ที่ตึก AIA สาทร . เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้เราพยามจะสร้างสรรค์งานที่ดีต่อไปครับ

  • Steel Frame Tropical ใครว่าโครงเหล็กจะให้บรรยากาศชุ่มชื้นไม่ได้

    Catagory : Mixed use Architecture Architect : KWCA - Kosala Weerasekara Chartered Architects Location : Sri Lanka Year : 2019 Tropical กับโครงเหล็กจะไปด้วยกันได้หรือ? ทุกคนคงติดภาพจำของบ้านสไตล์ tropical ที่เป็นไม้หรือว่าคอนกรีตกันใช่มั้ย? วันนี้เรามีอีกหนึ่งดีไซน์ที่น่าสนใจมานำเสนอ... ✍️ Kozy's Canvas ผลงานของ KWCA - Kosala Weerasekara Chartered Architects อาคารหลังนี้ตั้งอยู่ที่ชานเมืองศรีลังกา ถูกออกแบบด้วยโครงสร้างเหล็กหันหน้าไปทางป่าสงวนและทะเลสาบท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี การออกแบบถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเหล็กและช่องเปิดที่ยื่นออกมาแทรกแซงเข้าไปในธรรมชาติ ผสมผสานงานสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ✨ อาคารหลังนี้ไม่ได้เป็นแค่ที่พักอาศัยของครอบครัวสถาปนิกเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสตูดิโอ และออฟฟิศในตัวอีกด้วย เรียกได้ว่าหลายฟังก์ชั่นมากๆ นอกจากนี้สถาปนิกยังตั้งใจออกแบบอาคารหลังนี้เพื่อเล่าเรื่องราวชีวิต และเฟรมภาพแสดงมุมมอง ผ่านงานสถาปัตยกรรม และโครงสร้าง เป็นการเล่าเรื่องที่เป็นทางการบนพื้นที่ที่ไม่เป็นทางการ การผสมผสานของการออกแบบสถาปัตยกรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถูกต้อง แต่สถาปัตยกรรมสามารถลื่นไหลได้ หากนำมาผสมผสานกันแล้วลงตัว นั่นถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางการออกแบบเช่นกัน👍 ผมว่านี่คือไอเดียในการนำเอาตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นอาคารในเมืองร้อนอย่างบ้านเราที่ดี เพราะทำให้ไม่อึดอัด และไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ที่สำคัญมันดูดีมีสไตล์กว่าที่ทำๆกันอยู่เป็นไหนๆ "ลองนำไอเดียไปปรับใช้ดูครับ" ขอบคุณบทความจาก Archdaily The Collective Studio Co., Ltd. Architectural & Interior Design www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่ Line : Facebook : Instagram : Twitter : Website : Youtube

bottom of page