Search Results | TheCollectiveStudio
top of page

Search Results

270 items found for ""

  • The Collective ได้รับรางวัล 'Award Winner' of Asia Pacific Property Award 2024-2025

    The Collective ได้รับรางวัล Award Winner ประเภท Architecture Single Residence ในโปรเจค ‘The Nest’ จาก Asia Pacific  Property Awards 2024-2025 ทั้งนี้ รางวัล Asia Pacific Property Awards เป็นส่วนหนึ่งของรางวัล International Property Awards ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีและให้เกียรติต่อผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสถาปนิก นักออกแบบตกแต่งภายใน โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นรางวัลที่ได้รับความน่าเชื่อถือและดีที่สุดในระดับภูมิภาค ซึ่งก่อนหน้านี้สำหรับรางวัล  Asia Pacific Property Awards 2024-2025 เราเคยได้รับรางวัลมาแล้ว 2 ผลงานด้วยกัน คือ NT Motorsport Kawasaki Showroom, Award Winner ประเภท Retail Interior Thailand ในปี 2018 - 2019 โชว์รูมรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Kawasaki ที่เรารับบรีฟจากเจ้าของร้านมาเพียงว่า“รถจักรยานยนต์ Bigbike-Kawasaki-โชว์รูม-ศูนย์บริการ-ร้านกาแฟ-Industrial-แพร่ เท่านี้!” ตกตะกอนอยู่นาน ว่าจะออกแบบยังไงดีให้มันมีเรื่องราว และดึงความโดดเด่นออกมาให้ดีที่สุด รับชมแนวคิดและการออกแบบของพวกเราได้ที่: https://www.ctstu.com/post/nt-motorsport Spore Bangkok Office, The Best Office Interior ประเภท Interior Design Thailand ในปี 2020 - 2021 สำนักงานที่เราตั้งใจให้เป็นเหมือนห้อง Lab หรือห้องทดลองใต้ดินที่มีพนักงานเป็นเหมือนทีมงานกำลังแอบซุ่มทำการทดลองแบบลับๆ ราวกับหนังแนว Sci-fi อย่างไรอย่างนั้นเลยครับ รับชมแนวคิดและการออกแบบของพวกเราได้ที่: https://www.ctstu.com/post/spore-office เท่ากับว่าเราได้รับรางวัลทั้งด้าน สถาปัตยกรรมและการออกแบบภายใน ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่เราตั้งใจสร้างสรรค์ออกแบบขึ้นมาจากแนวคิดและการสั่งสมประสบการณ์ ความท้าทายที่เราพบเจอมาในหลายๆโปรเจค นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีใจและคุ้มค่ากับสิ่งที่เราตั้งใจทำในแต่ละโปรเจคออกมาอย่างดีมากๆครับ ทั้งนี้ The Collective ขอขอบคุณสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโปรเจคนี้ทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

  • ปัจจัยที่สำคัญในการออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ที่ทำให้ร้านของคุณดูแตกต่าง

    HONG SIENG KONG BY THE COLLECTIVE ไขความลับของการออกแบบร้านกาแฟ คาเฟ่ ให้สามารถดึงดูดใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจร้านกาแฟไปจนถึงคาเฟ่ที่เป็นไปอย่างคึกคักในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะสร้างและออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ (Cafe) ให้สามารถครองใจลูกค้าขาประจำ และดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้มาใช้บริการเพื่อการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จนทำให้ร้านกาแฟใหม่ ๆ มากมายที่ดูเหมือนจะผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืนนั้นสามารถหายไปจากตลาดได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วพอ ๆ กัน เพราะฉะนั้นแล้วในวันนี้ THE COLLECTIVE STUDIO จะขอพาผู้ที่กำลังสนใจลงทุนเปิดร้านกาแฟและคาเฟ่ ไปร่วมไขความลับของการออกแบบร้านกาแฟว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้ร้านกาแฟของคุณพิเศษไม่เหมือนใครและสามารถดึงดูดลูกค้าขาประจำให้เข้าร้านมากกว่าลูกค้าขาจรได้อย่างแท้จริง ทำการบ้านก่อนการออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ ก่อนการตัดสินใจลงทุนสร้างและออกแบบร้านกาแฟ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านทุกคนไม่ควรมองข้าม คือ การไปใช้บริการจริงที่ร้านกาแฟหรือร้านคาเฟ่อื่น ๆ ที่มีชื่อเสียง หรือร้านกาแฟที่ตั้งภายในทำเลเดียวกันกับร้านกาแฟของคุณ ไปลองสัมผัสกับบรรยากาศ เพื่อช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับเหตุผลต่าง ๆ ได้ว่า เพราะอะไรลูกค้าถึงตัดสินใจเลือกไปที่ร้านกาแฟหรือคาเฟ่เหล่านั้น ? อะไรทำให้ธุรกิจของพวกเขาได้เปรียบในการแข่งขัน ? รวมถึงตั้งคำถามว่าคุณจะสามารถทำอะไรให้ดีกว่าพวกเขาได้บ้าง เพื่อช่วยให้การออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ของคุณมีความโดดเด่นและสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้ ? เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถเริ่มต้นวางแผนออกแบบร้านกาแฟที่จะทำให้ลูกค้าอยากเข้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจแรกที่จะได้รับจากการออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ หากคุณต้องการให้ร้านกาแฟของคุณโดดเด่น ท่ามกลางร้านกาแฟและคาเฟ่ที่มีอยู่มากมายจนสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง การออกแบบร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือร้านเครื่องดื่ม ให้สามารถสะท้อนถึงเรื่องราวหรือแนวคิดที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ จะเป็นการสร้างความประทับใจแรก (First Impression) ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ความประทับใจแรกในการใช้บริการที่ลูกค้ามีต่อร้านกาแฟของคุณ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมันจะเป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าคนไหนจะกลายมาเป็นลูกค้าประจำของคุณในอนาคต และที่สำคัญอย่างลืมรักษาความสม่ำเสมอของบรรยากาศและการออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่เอาไว้ เพื่อช่วยตอบสนองต่อความคาดหวังของกลุ่มลูกค้าประจำที่มีต่อร้านกาแฟของคุณได้อย่างแท้จริง การออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ให้มีการจัดสรรพื้นที่ภายในร้านอย่างลงตัว การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในร้านกาแฟที่ถูกคิดและวางแผนมาเป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกครั้งที่มาร้านกาแฟของคุณ โดยหนึ่งในตัวอย่างของการจัดสรรพื้นที่ภายในร้านกาแฟและคาเฟ่ที่มีประสิทธิภาพ คือ การออกแบบร้านกาแฟมุมเคาน์เตอร์ต้อนรับให้อยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากหน้าประตู ร่วมกับการออกแบบป้ายเมนูขนาดใหญ่เหนือศีรษะที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย และการจัดวางขนมอบและกล่องอาหารให้ลูกค้าที่ยืนรอคิวอยู่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อการให้บริการกลุ่มลูกค้าที่มีความเร่งรีบ รวมถึงการให้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนได้อย่างครบถ้วนและรวดเร็วมากที่สุด การเลือกใช้บริการออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่จากบริษัทรับออกแบบมืออาชีพ แม้ว่าคุณจะทำการบ้านเกี่ยวกับการออกแบบร้านกาแฟมาเป็นอย่างดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจหลักการเกี่ยวกับการออกแบบร้านกาแฟโดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้การสร้างร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจคาเฟ่ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถตอบสนองต่อทุกความต้องการของทั้งคุณและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ การเลือกใช้บริการบริษัทรับออกแบบมืออาชีพยังช่วยให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่า ขั้นตอนการสร้างและตกแต่งภายในร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือธุรกิจเครื่องดื่มอื่น ๆ ของคุณจะไม่เกิดความล่าช้าจนส่งผลต่อการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดายอีกด้วย หากคุณกำลังมองหาบริษัทตกแต่งภายใน บริษัทออกแบบร้านกาแฟและคาเฟ่ รวมถึงบริการรับออกแบบตกแต่งภายใน ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการในการตกแต่งบ้านของคุณด้วยโซลูชันการออกแบบที่หลากหลายและผลทางการออกแบบตกแต่งภายในที่มีความสวยงามตรงใจตามแบบที่ต้องการ ที่ THE COLLECTIVE STUDIO เราคือบริษัทตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบ เรารับออกแบบตกแต่งภายในให้ธุรกิจต่าง ๆ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการออกแบบร้านกาแฟให้ออกมาเป็นร้านที่ไม่ซ้ำใคร มีสตอรี่ตั้งแต่แรกก้าวเข้าร้าน ทีมสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพที่ THE COLLECTIVE STUDIO มีความเชี่ยวชาญในทุกสาขาวิชา มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบและรับออกแบบตกแต่งภายใน ให้ออกมาเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด มองหาบริการออกแบบร้านกาแฟ หรืออินทีเรียดีไซน์ Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • 10 สไตล์ อยากตกแต่งบ้านสไตล์นี้ ต้องบอกบริษัทตกแต่งภายในว่าอะไร

    เจาะลึกจุดเด่นของสไตล์การตกแต่งบ้าน สำหรับใช้พูดคุยกับบริษัทตกแต่งภายใน หากคุณเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งที่กำลังประสบกับปัญหาใหญ่ที่ว่า ชอบสไตล์การตกแต่งบ้านในรูปแบบดังกล่าวนี้ แต่ไม่รู้จะเรียกสไตล์การตกแต่งดังกล่าวว่าอย่างไรดี อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอธิบายสไตล์การแต่งบ้านที่ตนเองชื่นชอบอย่างไร ให้ทีมนักออกแบบและสถาปนิกจากบริษัทตกแต่งภายในเกิดความเข้าใจและมองเห็นภาพของการตกแต่งบ้านไปในทิศทางเดียวกัน ในบทความนี้ THE COLLECTIVE STUDIO จะขอพาทุกคนมาร่วมค้นพบเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ 4 สไตล์การตกแต่งบ้านที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ เพื่อการช่วยให้เจ้าของบ้านทุกคนมีความเข้าใจ สามารถสื่อสารทุกความต้องการในการตกแต่งบ้านไปยังบริษัทตกแต่งภายในได้อย่างราบรื่นมากที่สุด ไขข้อสงสัย อยากตกแต่งบ้านสไตล์นี้ต้องบอกบริษัทตกแต่งภายในว่าอย่างไร ? 1. Modern Style https://cgifurniture.com/modern-interior-design-6-styles/ การตกแต่งบ้านในสไตล์โมเดิร์นเป็นสไตล์การตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจนก่อให้เกิดแนวคิดในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพราะฉะนั้นแล้ว หากสไตล์การตกแต่งบ้านที่คุณชื่นชอบมีการมุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายและแปลนแบบเปิดโล่ง (Open Space) โดยมีเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านไม่มากแต่เพียงพอกับการใช้งาน อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่าง ๆ ยังมาพร้อมด้วยรูปทรงเรขาคณิตและวัสดุที่ทันสมัย อาทิ กระจก หรือโลหะ ที่สามารถช่วยเพิ่มมิติให้กับการตกแต่งบ้าน ในขณะที่เฉดสีภายในบ้านจะเน้นเป็นเฉดสีกลาง ๆ อาทิขาวครีม เทา เบจ คุณก็สามารถสื่อสารกับบริษัทตกแต่งภายในได้ในทันทีว่าสไตล์การตกแต่งบ้านที่คุณต้องการนั้นคือสไตล์โมเดิร์น 2. Minimal Style I’m Fly Studio Less is More หรือ น้อยแต่มาก เป็นแนวคิดที่สำคัญของการตกแต่งบ้านในสไตล์มินิมอล เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่จะสามารถสังเกตเห็นและเลือกนำไปพูดคุยกับบริษัทตกแต่งภายในได้อย่างชัดเจนในการตกแต่งบ้านในสไตล์มินิมอล คือ การลดทอนรายละเอียดต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับการตกแต่งบ้านลงไป พร้อมเปิดรับความน้อยแต่มากของการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ร่วมกับการให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ให้มีความโปร่ง โล่ง สะอาดตา และมีการเปิดรับแสงจากธรรมชาติที่สามารถช่วยเสริมบรรยากาศโดยรวมให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น 3. Industrial Loft Basement Garage หากคุณชื่นชอบสไตล์การตกแต่งบ้านที่เท่และโดดเด่นแบบไม่ซ้ำใคร อีกทั้งยังมีการมุ่งเน้นไปที่การเลือกใช้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมแบบปูนเปลือย ผนังอิฐเปลือย คานเหล็ก พื้นคอนกรีต ร่วมกับการออกแบบพื้นที่ให้มีความเปิดโล่ง คุณสามารถพูดคุยกับบริษัทตกแต่งภายในได้ในทันทีว่าสไตล์การตกแต่งบ้านที่คุณชื่นชอบนั้นคือ การตกแต่งในสไตล์ลอฟท์ บ้านสไตล์ลอฟท์เป็นแนวการตกแต่งที่ให้ความสำคัญกับการโชว์เนื้อแท้ของวัสดุที่นำมาใช้ในการตกแต่งบ้าน โดยที่ไม่ได้มีแต่งหรือเติมอะไรเพิ่มเติมเข้าไป ตลอดจนการโชว์โครงสร้าง งานระบบ และงานท่อต่าง ๆ เพื่อการช่วยสร้างมุมมองในการตกแต่งที่มีความโดดเด่นและฉีกออกไปจากกฎเกณฑ์เดิม ๆ 4. Nordic / Scandinavian Style Patreeda Avenue การแต่งบ้านสไตล์สแกนดิเวียน หรือ สไตล์นอร์ดิก เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศทางแถบสแกนดิเนเวียและยุโรปตอนเหนือ อาทิ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ที่มุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขที่เรียบง่ายผ่านการให้คุณค่ากับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว เพราะฉะนั้นแล้ว จุดเด่นที่สำคัญของการแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิกที่คุณสามารถเลือกจดจำไปพูดคุยกับบริษัทตกแต่งภายในได้ คือ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายที่ทำมาจากวัสดุประเภทไม้หรือผ้า รวมถึงการเลือกใช้คู่สีไม้โอ๊ค สีเอิร์ทโทน หรือสีเบจ ที่จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นและนุ่มนวล และที่จะขาดไปไม่ได้ คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในตัวบ้านผ่านการนำต้นไม้ฟอกอากาศมาประดับตกแต่งในหลาย ๆ มุมเพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น 5. Boho Style Phuket Elephant Sanctuary สไตล์โบฮีเมียน (หรือที่รู้จักในชื่อ โบโฮ) ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสไตล์โบโฮจะเน้นการรวมองค์ประกอบจากธรรมชาติและแบบออร์แกนิกเข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง มุมมองให้ดูมีมิติและสะท้อนรสนิยมส่วนตัว บริษัทตกแต่งภายในส่วนใหญ่จะแนะนำให้ตกแต่งโดยใช้หวาย ไม้ไผ่ และผืนผ้าที่มีลวดลายต่าง ๆ ผสมผสานกับสีสันสดใส ดูโดดเด่น ขี้เล่น ดูมีระดับมากขึ้น 6. Eclectic Too Fast Too Sleep @Charn สไตล์ผสมผสาน (Eclectic) เป็นการตกแต่งบ้านโดยการหยิบเอาความหลากหลายของสิ่งของ และรูปแบบของการตกแต่งบ้านแต่ละสไตล์มารวมเข้าด้วยกันผ่านการใช้ สี รูปทรง การจัดวางองค์ประกอบ เช่น การใช้เฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์มาจัดวาง การตกแต่งด้วยการใช้สีคู่ตรงข้าม ทำให้เกิดมุมมองที่สวยงามและเหมาะสม โดยมุ่งเน้นการผสมผสาน (Mixing) มากกว่าการทำให้เข้ากัน (Matching) แต่เมื่อจัดวางองค์ประกอบโดยรวมเข้าด้วยกัน องค์ประกอบภายในห้องกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว และดูกลมกลืน 7. Modern Farmhouse Indy Bangna 2 การตกแต่งสไตล์ฟาร์มเฮ้าส์ ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของสไตล์นี้คือ การนำของเก่าและของรีไซเคิลมาประยุกต์ใช้ แต่ถูกจัดวางอย่างทันสมัยและดูดี ไม่ได้เน้นความดิบแบบฟาร์มเฮ้าส์แท้ ๆ แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ การตกแต่งเน้นใช้ลายสก๊อต สีฟ้า สีเขียว และขาวดำ เป็นหลัก บรรยากาศภายในเน้นความอบอุ่น สบาย และมีกลิ่นอายความดั้งเดิม และไม่ดูเป็นทางการจนเกินไป ในฐานะบริษัทตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE STUDIO ขอสรุปการตกแต่งสไตล์นี้ง่าย ๆ ว่ามันคือ การผสมผสานความดิบแบบอินดัสเทรียล เข้ากับความคลาสสิคของฟาร์มเฮ้าส์อย่างกลมกลืน 8. Glam Silom Suite การแต่งบ้านสไตล์ Glamorous เป็นสไตล์ที่เน้นแสดงความหรูหรา โชว์เอกลักษณ์ของวัสดุที่สวยงาม โดยนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทำจากผ้ากำมะหยี่ ผ้าไหม หนัง โลหะ และเน้นการแต่งด้วยสีทอง สีเทา เพื่อให้เล่นกับแสงแล้วเกิดความระยิบระยับ บริษัทตกแต่งภายในอย่างเรา ๆ จะให้คำอธิบายการแต่งบ้านสไตล์นี้ว่าเป็นการตกแต่งที่ดูเรียบง่ายแต่โดดเด่น 9. Coastal The Moment สไตล์ ‘Coastal’ คือการตกแต่งที่นำเอาองค์ประกอบธรรมชาติของชายหาดเข้าสู่ภายในบ้าน เน้นการสร้างบรรยากาศสบายๆ แบบชายหาด มีความสดชื่น ผ่อนคลาย บริษัทตกแต่งภายในส่วนมากจะแนะนำให้เน้นการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โทนสีฟ้า และ สีขาว ตัวบ้านมีการเปิดโล่ง ทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งสบาย มีหน้าต่างบานเปิดกว้าง ให้เปิดรับอากาศเข้าและได้รับแสงจากธรรมชาติ สร้างความรู้สึกโปร่งสบาย 10. Midcentury Modern Thew Talay Huahin สไตล์นี้ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากดีไซน์ช่วงทศวรรษที่ 1950s และ 1960s จนกลายเป็นหนึ่งในสไตล์ที่คนนิยมและเข้าถึงได้มากที่สุด เฟอร์นิเจอร์ในยุคนี้ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ที่ยังคงความทันสมัย เน้นความเรียบง่าย สะอาดตา ตกแต่งด้วยไม้สีอบอุ่น พร้อมใส่ใจรายละเอียดและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีการหยิบจับวัสดุแปลกใหม่มาตกแต่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก โลหะ หรือวัสดุใด ๆ ก็ตามที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก หรือไม่นิยมมาจับคู่กัน อาจด้วยไอเดียของ Mid-Century เกิดในช่วงหลังสงคราม ที่หลายประเทศต่างสูญเสียทรัพยากรของตัวเองไปจำนวนมาก จึงต้องเสาะหาวัสดุใหม่ ๆ มาใช้แทน หากคุณกำลังมองหาบริษัทตกแต่งภายใน ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการในการตกแต่งบ้านของคุณ ด้วยโซลูชันการออกแบบที่หลากหลาย ได้ผลลัพธ์การออกแบบตกแต่งภายในที่มีความสวยงามตามแบบที่ต้องการ ที่ THE COLLECTIVE STUDIO เราคือบริษัทตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบ ทั้งงานสถาปัตยกรรม ที่อยู่อาศัย ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหาร สปา รีสอร์ท โรงแรม รวมถึงงานออกแบบสำนักงานและออฟฟิศ เรามีทีมสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพสูง เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้บ้านของคุณออกมาตรงใจตามภาพที่คุณวางไว้ได้มากที่สุด มองหา บริษัทตกแต่งภายใน หรืออินทีเรียดีไซน์ ติดต่อ The Collective Studio Co., Ltd. Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • มารับความชุ่มฉ่ำดับร้อนไปด้วยกัน กับเทศกาลต้อนรับสงกรานต์ และนิทรรศการประจำเดือนเมษายน2567

    เริ่มต้นเดือนเมษามา ก็เดือดแล้ว กับอากาศที่ทะลุไปถึง 40 องศา! อากาศร้อนร้อนแบบนี้ ออกจากบ้านไปรับความชุ่มฉ่ำดับร้อนกัน บอกเลยเดือนนี้มีแต่เทศกาลดนตรี พิกัดเล่นน้ำสงกรานต์กันตลอดทั้งเดือน ให้ทุกคนได้รื่นรมย์ ชุ่มฉ่ำ เย็นสดชื่นกันไปแบบยาวๆ พร้อมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้จะมาถึงอีกด้วยครับ หรือหากใครไม่ชอบเล่นน้ำ ยังมีนิทรรศการ งานศิลปะ และกิจกรรมอีกมากมาย ให้ทุกคนได้ไปเที่ยวชมกันอีกมากมายเช่นกันครับ 1.Chumchum Festival (ฉ่ำฉ่ำเฟสติวัล) เปิดต้นเดือนเมษามา ก็มีเซอร์ไพรส์ให้กับชาวบางนา และคนกรุงเทพฯ ให้ชุ่มฉ่ำ กับ เทศกาลสงกรานต์ก่อนใครแล้ว กับ ”CHUM CHUM Festival“(ฉ่ำๆ เฟสติวัล) มหกรรมงานดนตรี ที่จะเปลี่ยนบางนาให้เป็นพื้นที่ชุ่มฉ่ำ พร้อมยกกองทัพเหล่าศิลปินระดับประเทศมาไว้ทุกคนแล้วที่นี่ งานนี้ไม่ฟรีนะครับ รับชมรายละเอียดเพิ่มเติมและช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรด้ที่: https://www.facebook.com/photo?fbid=808284384671282&set=a.592423712924018 พิกัด: ณ ลานกิจกรรม Central Bangna ระยะเวลา: : 5 - 7 เมษายน 2567 เวลา: - 2.รวม Music Festival ปี 2567 ต้อนรับสงกรานต์แบบฉ่ำๆ รวมพิกัด Songkran Music Festival ปี 2567 ขอบอกเลยว่าฉ่ำจริง! เพราะศิลปินไทยยกขบวนมาแบบจัดเต็ม พร้อมมอบความมันส์ให้ทุกคนได้สนุกกันทั้งวันหยุดสงกรานต์แบบเต็มๆ สงกรานต์นี้อยากไปรับความชุ่มฉ่ำกันที่ไหน ปักหมุดไว้ได้เลยครับ พิกัด: - ระยะเวลา: : 5 - 20 เมษายน 2567 เวลา: - 3.MMADhappening 10 Fest : April Fire Day ตลาดนัดมัดรวมงานอาร์ตที่เตรียมความสนุกมามอบให้กับทุกคนตลอด 10 เดือน ด้วยกิจกรรมศิลปะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อาร์ตมาร์เก็ตจากเหล่าดีไซเนอร์ เวิร์กช็อปสนุกๆ ให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก พร้อมชมคอนเสิร์ตจากศิลปินหลากแนวที่จะทำให้วันหยุดของคุณสนุกกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น Quicksand Bed, Bent, Lostchips, KALIPSE ฯลฯ ปิดท้ายด้วยนิทรรศการและ Photo Spot ที่เราชวนนักวาดและนักออกแบบมาเติมแต่งผนังเป็นมุมถ่ายรูปให้ทุกคนได้ถ่ายภาพความประทับใจเก็บไว้ทุกเดือน สำหรับเดือนเมษายนนี้ ศิลปินมากความสามารถ อย่าง นัท-คณัสนันท์ เข็มทอง หรือที่เราต่างรู้จักกันในชื่อ KNN.Five ผู้สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ไม่ซ้ำใครและนิทรรศการ NEOTHAICIVILIZATION ที่บอกเล่าถึงชีวิตของผู้คนในโลกอารยธรรมใหม่ โดยมีเหล่ากลุ่มผู้รอดชีวิตที่ออกแบบคาแรกเตอร์มาจากนพลักษณ์อีกด้วย เขาจะพา เพลิง คาแรกเตอร์คู่ใจมาสร้างความร้อนแรงให้กับงานในครั้งนี้อย่างไร มาพบกันได้ที่งานนี้ พิกัด: MunMun Srinakarin ระยะเวลา: 26 - 28 เมษายน 2567 เวลา: - 4.Shade of Sunshine งานศิลปะจากศิลปินนักเล่าเรื่อง 7 คน ได้แก่ Kiwtum, Koong, Nutped, Past.tell, Peachful, Plulalin และ toddyinthemood นิทรรศการที่เป็นมากกว่าภาพวาด โดยเป็นการย้อนสำรวจเรื่องราวความทรงจำของฤดูกาลหน้าร้อนที่มีผลต่อความรู้สึก ที่จะพาคุณเดินทางย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความไร้เดียงสาและเสน่ห์ในวันวานที่ไม่อาจหวนคืน คุณจะได้พบกับฉากแห่งเสียงหัวเราะและความรัก บทสนทนาใต้แสงสีทองยามพลบค่ำ ความโหยหาที่มาพร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านไป และความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย รอให้คุณมาค้นหาในงานนี้ พิกัด: ICONLUXE Pop Up Space ชั้น 1, ICONSIAM ระยะเวลา: วันนี้ - 30 เมษายน 2567 เวลา: 10:00 - 22:00 น. 5.Real Board Game baccpresents บอร์ดเกมในชีวิตจริง เล่นได้ทุกวันไม่ต้องกางกระดาน กรณ์ นียะพันธ์, โกศล ขจีไกรลาส และณัฐทพงศ์ รัตนโชคสิริกูล ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน "บันไดงู กทมฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว" ชวนผู้ชมมามีส่วนร่วมผ่านเกมจำลองการเอาตัวรอดในเมืองกรุง เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ผ่านบอร์ดเกมสุดหรรษา ที่ปัญหาและอุปสรรคในเกม อาจเป็นสิ่งที่คุณพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน พิกัด: BACC ระยะเวลา: วันนี้ - 19 พฤษภาคม 2567 เวลา: 10:00 - 22:00 น. 6.WATCH ME NENE (นิทรรศการแรกของหนู) นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ เนเน่-นันทวรรณ แจ่มใส หรือ NNENE.IIE นักวาดภาพประกอบอิสระ หลงใหลในการบันทึกทุกอย่างในชีวิตผ่านการสเก๊ตช์ลงวัตถุรอบตัวตั้งแต่ สมุด สลิปใบเสร็จ ผนัง ถุงกระดาษ รวมถึงขยายไปเป็นภาพเคลื่อนไหว เพื่อที่จะทบทวนและมองเห็นตัวเองอยู่เสมอ จนนำมาสู่นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรก‘นิทรรศการแรกของหนู’ (WATCH ME NENE) ที่จะพาทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหน้าสมุดบันทึกและทำความรู้จักกันมากขึ้น พิกัด: KINJAI CONTEMPORARY ระยะเวลา: วันนี้ - 28 เมษายน 2567 เวลา: 11:30-18:30 น. (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) 7.Hong Kong Art Toy Story 2024 Hong Kong Art Toy Story จะยก Hong Kong Pavilion มาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในงาน Thailand Toy Expo 2024 โดยงานนี้ศิลปินที่ทุกคนชื่นชอบและศิลปินหน้าใหม่รวมทั้งสิ้น 20 ราย จะบินลัดฟ้ามาฝากผลงานน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับโชว์เคสอาร์ตทอยกว่า 300 ชิ้น และประติมากรรมขนาดใหญ่สูงถึง 1.5 เมตรที่ออกแบบและจัดทำขึ้นใหม่มาจัดแสดงให้ทุกคนได้ชมกันในงานนี้เป็นครั้งแรก 20 ศิลปินฮ่องกงที่จะเดินทางมาจัดแสดงผลงาน นำโดย Winson Ma, Ryan Lee และ Rainbo ซึ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ที่พาศิลปินรุ่นใหม่น่าจับตามอง ได้แก่ Aaron Lau, Anna Chan, Cheng Ki Kl, Gilbert Yam, Gino Lai, Joseph Tang, Keith Li, Leo Pak, LeonLollipop, Leung Kwok Kin, Lock Lai, Ricky Chan, Sunny Tam, Tomm Wong, Tony Leung, Felix Ip และ Mickey Mic มาพูดคุยศิลปินนักออกแบบชาวฮ่องกง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขอลายเซ็นของพวกเขาอย่างใกล้ชิดได้ในงานนี้ พิกัด: Hong Kong Pavilion, โซน Dazzle ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระยะเวลา: 4 - 7 เมษายน 2567 เวลา: - 8.LANDSCAPE OF EMPTINESS (ภูมิทัศน์ของความว่างเปล่า) นิทรรศการ "ภูมิทัศน์ของความว่างเปล่า" ผลงานโดย สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ (Sanitas Pradittasnee) เมื่อเราอยู่ในห้วงสถานการณ์และเวลาของการเหม่อมองความเป็นไปของ “ความจริง” เราจะเห็นม่านหมอกจางๆของความว่างเปล่า หากแต่ความว่างเปล่านั้นมิได้เปลือยเปล่า เพราะในขณะเดียวกัน การที่เราจะรับรู้สภาวะความว่างดังกล่าวได้นั้น เราต้องรับรู้ความมีอยู่ของ “สิ่งที่ดำรงอยู่” ขอบเขตของความว่างจึงมีความจำเป็นต่อการปลดเปลือยเผยให้เห็นถึงการสลายหายไปจนนำไปสู่สภาวะแห่งความว่างเปล่า ในนิทรรศการภูมิทัศน์ของความว่างเปล่า สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ จึงได้สร้างสภาวะของการเข้าสู่ความว่างเปล่าที่จะพาผู้ชมเข้าไปสู่ห้วงสถานการณ์จำเพาะของพื้นที่และเวลา สู่มโนทัศน์ของการเข้าไปค้นหาความจริงในมิติของการเข้าไปสู่เขตแดน (ปริมณฑล) ของสภาวะการไร้รูปนาม ม่านหมอกของสาระแห่งการดำรงอยู่ได้นำพาผู้ชมให้เดินตามวิถีทางแห่งสัจจะของเวลาที่ทุกอย่างสลายแตกดับเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า พิกัด: หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ระยะเวลา: วันนี้ - 8 มิถุนายน 2567 เวลา: - 9.ESIC LAB ESIC LAB สร้างสรรค์ผลงานชุด "มลภาวะทางเสียง ปัญหาสุขภาพคนเมืองที่กลับถูกมองข้าม" โดยในส่วนแรกของผลงานนั้น ได้มีการนำเสนอในรูปแบบ Generative Art นำเสนอข้อมูลระดับเดซิเบลในระยะเวลาย้อนหลัง 2 ปี (พ.ศ. 2564- 2565) ที่ได้จากสถานีตรวจวัดระดับความดังของเสียงใน 8 ย่านทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ค่าระดับเดซิเบลหรือความดังสูงสุดมาเชื่อมโยงกับค่าเฉลี่ยระดับเดซิเบลหรือความดังของแต่ละย่าน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของระดับความดังของเสียงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และผลงานอีกส่วนนำเสนอในรูปแบบ Sound Art นำเสนอสภาพแวดล้อมทางเสียงของกรุงเทพฯ จากการเก็บบันทึกเสียงที่เกิดจากการประกอบกิจกรรมและการดำเนินชีวิต แสดงถึงบรรยากาศวิถีชีวิตในแต่ละวันของชาวกรุงเทพฯ ที่ต่างต้องอาศัยอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ล้อมรอบไปด้วยเสียงตลอดเวลา ผลงานชิ้นนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสั่นสะเทือนที่เกิดจากระดับความดังของเสียงรูปแบบต่างๆ ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจของคนในเมือง Beware! เสียงที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา (อาจ)เป็นมลพิษทางเสียง ที่ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไม่รู้ตัว พิกัด: BACC ระยะเวลา: วันนี้ - 19 พฤษภาคม 2567 เวลา: 10:00 - 22:00 น. ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • The Collective ได้รับรางวัล 'GOLD WINNER' of Architecture & Design Collection Awards 2023

    The Collective ได้รับรางวัล GOLD WINNER ของ Architecture & Design Collection Awards (ADCA) ในสาขา ARCHITECTURAL HOME DESIGN เรารู้สึกภูมิใจและดีใจมากๆครับ ที่ได้รางวัลและได้รับโอกาสในการสร้างผลงานนี้ เพราะ...งานนี้ถือมีความท้าทายอยู่มากพอสมควร ทั้งเรื่อง ข้อจำกัดทางสภาพแวดล้อม การทำรูปทรงอาคารให้โค้งมน การออกแบบเปลือกอาคารเพื่อป้องกันแสงแดดที่เข้าสู่อาคาร หรือแม้แต่การเลือกวัสดุให้ตอบรับกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เป็นต้น นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความท้าทาย และสร้างกำลังใจให้เราสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไปครับ ติดตามผลงานและแนวคิดการออกแบบฉบับเต็มได้ที่: https://www.ctstu.com/post/the-nest ทั้งนี้เราขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานครั้งนี้ด้วยครับ

  • 7 เทรนด์การออกแบบภายในที่มาแรงในปี 2024

    แต่งพื้นที่ของคุณให้สนุกกว่าเดิม ด้วยไอเดียออกแบบภายในที่น่าสนใจในปีนี้ ปี 2024 ใครที่กำลังต้องการรีโนเวทบ้านใหม่ หรืออยากตกแต่งห้องใหม่ และไม่อยากตกเทรนด์ วันนี้ The Collective นำ 7 เทรนด์การออกแบบภายในที่มาแรงในปี 2024 มาให้รับชม เพื่อเป็นไอเดียการออกแบบ ที่จะทำให้คุณไม่ผิดหวัง และไม่ล้าสมัยอย่างแน่นอนครับ 7 ไอเดียงานออกแบบภายใน เติมนิดเสริมหน่อย ช่วยเปลี่ยนห้องได้เยอะ ในปี 2024 นี้ งานมินิมอลยังคงครองใจผู้คนอย่างต่อเนื่อง แต่การตกแต่งด้วยสีฉูดฉาดก็เริ่มได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยมีทั้งสไตล์การออกแบบภายในที่เน้นเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ Built In และการตกแต่งกำแพง เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจมากทีเดียว 1. ออกแบบภายในโดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมน BE AMAZING BY THE COLLECTIVE เนื่องจากเทรนด์ศตวรรษที่ 80 กลับมามีกระแสอีกครั้งในปัจจุบัน เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมนจึงกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น จากเดิมช่วงกลางศตวรรษที่ 50 และ 60 มีแต่การใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นเส้นตรงที่ดูหนักแน่น อีกทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมน โดยทั่วไปเราจะเห็นได้จากโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ในส่วนของพื้นที่ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องนอนเสมอ เนื่องจากความโค้งบ่งบอกถึงความสงบ เรียบง่าย ให้ความรู้สึกสบาย มีความเป็นกันเอง ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถนำไป Mix and Match กับเฟอร์นิเจอร์เดิมในรูปทรงต่างๆได้อย่างลงตัว 2. Quiet Luxury งานออกแบบภายในที่สไตล์มีมูลค่าไม่แพ้เงิน PATREEDA AVENUE PATHUMTHANI 2 BY THE COLLECTIVE “Quiet Luxury” เทรนด์ฮิตติดกระแสจากคำค้นหา ที่มียอดเข้าชมมากกว่า 3.5 หมื่นล้านครั้งบน TikTok เมื่อไม่นานมานี้ หรือที่เรารู้จักกันดี ในวลีที่ว่า “น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้” ซึ่งหากพูดในเชิงพาณิชย์ “Quiet Luxury” หมายถึง ความเรียบหรูที่ใช้วัสดุในคุณภาพสูง แต่ในเชิงของการออกแบบภายใน คำว่า ‘น้อย’ คือ การออกแบบที่ภายนอกดูน้อย แต่กลับซ่อนรายละเอียด ที่เหล่านักออกแบบใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการออกแบบแต่ละจุด และในอีกแง่มุมหนึ่ง “Quiet Luxury” ยังเป็นการบ่งบอกถึงสไตล์มากกว่าการบ่งบอกถึงแบรนด์ที่มีราคาสูง หรือการใช้วัสดุเกรดพรีเมียมในการตกแต่งซะมากกว่าครับ 3. การเลือกใช้ไม้โทนสีเข้ม งานออกแบบภายในสุดคลาสสิก SARANSIRI-SAIMAI BY THE COLLECTIVE แม้เทรนด์การออกแบบภายในสไตล์มินิมอล ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ที่เน้นการไม้โทนสีอ่อนหรือสีไม้โทนอบอุ่น เน้นความเรียบง่าย ดูสบายตา เหมือนได้ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ในปี 2024 สไตล์การตกแต่งไม้โทนสีเข้มจะเป็นที่นิยมมากขึ้น จากสไตล์ความชอบที่เปลี่ยนไปของผู้คนในปัจจุบัน เช่น การใช้วัสดุเชาสุกิบัน การเลือกใช้ไม้โทนสีเข้มหรือไม้โอ๊คสีเทาเข้ม ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู เต็มไปด้วยความคลาสสิก ในสไตล์วินเทจ 4. งานออกแบบภายในสไตล์คันทรี่ด้วยการตกแต่งผนังด้วยอิฐ PLEASE DON’T TELL BY THE COLLECTIVE เมื่อนึกถึงบ้านที่สร้างจากอิฐ เน้นการโชว์พื้นผิว หลายคนคงนึกภาพ ‘บ้านสไตล์คันทรี่’ ที่เราจะเห็นได้ตามตึกหรืออาคารในต่างประเทศ หรือแม้ที่ประเทศไทยเอง ในยุคสมัยก่อน ที่ใช้อิฐมอญเป็นวัสดุสำหรับก่อสร้างหรือ ตกแต่งบ้าน ทั้งนี้การตกแต่งผนังด้วยอิฐ จะกลับมามีบทบาทเพิ่มขึ้นอีกในปี 2024 ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ต้องไปด้วยมนต์เสน่ห์ของสไตล์ร่วมสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นผิวที่ต่างออกไปจากผนังเรียบที่เราเห็นได้ทั่วไป และในส่วนนี้เอง ผมเรียกว่า “การนำกลับมาใช้ใหม่” ที่ไม่ใช่การใช้วัสดุ Recycel แต่เป็นการนำวัสดุที่ได้รับความนิยมสมัยก่อน นำกลับมาใช้ใหม่ เช่น การตกแต่งผนังด้วยอิฐ หน้าต่างโบราณ หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทเรโทร เป็นต้น แต่ข้อจำกัดของอิฐ คือ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนาวัสดุทดแทนขึ้น นั่นคือ ‘Tiled Brick’ หรือ ‘กระเบื้องอิฐ’ ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายด้วยลวดลายที่มีให้เลือกหลากหลาย มีผิวสัมผัสเสมือนจริง และสามารถนำไปตกแต่งที่เข้าได้กับทุกสไตล์ 5. ตกแต่งบ้านด้วยสีฉูดฉาด ปลุกชีวิตให้งานออกแบบภายใน TENDER @TENDERLION BY THE COLLECTIVE สีเอิร์ทโทน โทนสีเบจ หลบไป เพราะ “Bold Color” หรือ “สีฉูดฉาด” กำลังกลับมาและคาดว่าจะติดเทรนด์ในปีถัดๆไป การทาสีบ้านหรือเลือกใช้ของตกแต่งสีฉูดฉาด มักจะมาพร้อมกับลวดลายดีไซน์ที่ดูแปลกตา แต่สิ่งสำคัญในการออกแบบภายใน คือ ต้องทำให้สีสมดุลกันเพื่อไม่ให้สีมากเกินไปจนล้นพื้นที่และดูลายตา โดยอาจจะเป็นการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สีโดดเด่นเพียงหนึ่งถึงสองสีเพื่อเพิ่มความสนใจและดูคุมโทนไปกับสีภายในห้อง 6. ตกแต่งห้องเด็กด้วยสีสันโดดเด่น สไตล์การออกแบบภายในที่จะทำให้หลงรักกันทั้งบ้าน การเลือกทาสีบ้าน ทุกคนคงจะเลือกทาสีที่เป็นการคุมโทนสีห้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องนอน ห้องรับแขก เว้นแต่การทาสีใน “ห้องเด็ก” เหตุเพราะห้องเด็กควรเป็นห้องที่โดดเด่นและน่าสนใจด้วยสีสันสดใส เพราะสีมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกที่ดีในการสร้างจินตนาการและพัฒนาการของเด็ก นอกจากการเลือกสีทาบ้านแล้ว ของตกแต่งก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรคำนึงถึงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ ภาพวาดการ์ตูน โต๊ะ เก้าอี้ พรมที่มีลวดลายแปลกตา หรือของเล่นต่างๆ ที่ส่งผลต่อในการกระตุ้นพัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก 7. การทำเฟอร์นิเจอร์ซ่อนฟังก์ชันการใช้งาน ไอเดียออกแบบภายในสุดล้ำสมยุคสมัย https://www.pinterest.com/pin/48554502213734322/ ในปี 2024 การตกแต่งจะเอนไปทางการออกแบบที่มี “การทำเฟอร์นิเจอร์ซ่อนฟังก์ชันการใช้งาน” ด้วยสไตล์การออกแบบภายในที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น การทำเคาน์เตอร์ครัวซ่อนโต๊ะและเก้าอี้ การซ่อนลิ้นชักไว้ชั้นล่างเตียงนอน เป็นต้น เพื่อความเป็นระเบียบ และทำให้บ้านดูเรียบร้อย สะอาดตามากขึ้น อ้างอิง: https://www.forbes.com/sites/amandalauren/2024/01/04/these-are-the-top-interior-design-trends-for-2024/?sh=5ff54802935f The Collective “ผู้เชี่ยวชาญด้านรับออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบสถาปัตยกรรม และกลยุทธ์แบรนด์ โดยกลุ่มสถาปนิก และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพสูง เพื่อให้เกิดคุณค่าที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของคุณ” สนใจบริการออกแบบภายใน ติดต่อ The Collective Studio บริษัทออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ มองหา บริษัทออกแบบภายใน หรืออินทีเรียดีไซน์ ติดต่อ The Collective Studio Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • The Collective ร่วมงานแถลงข่าว “โครงการประกวดออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์” Too Fast To Sleep - คลองเตย

    The Collective ได้รับเชิญจาก Too Fast To Sleep ร่วมงานแถลงข่าว “โครงการประกวดออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์” Too Fast To Sleep - คลองเตย สำหรับนิสิตจุฬาฯ ภายใต้แนวคิด "Vision to Action" การสร้างแหล่วงมั่วสุมทางปัญญาให้กับชุมชนเพื่อให้ความรู้และสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน ณ Metro Mall (MRT คลองเตย) ที่จัดขึ้นโดย Too Fast To Sleep ร่วมกับทีม บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วง บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาและพื้นที่จัดกิจกรรมในระบบรถไฟฟ้า MRT และทางด่วน พร้อมด้วยภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในการจัดงานแถลงข่าว“โครงการประกวดออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์”ครั้งนี้ คุณกอบชัย ลิมปนเทวินทร์ (กอล์ฟ) ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการไปร่วมพูดคุยในฐานะกรรมการตัดสิน และศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ Team Strategy : Design to Win เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแชร์ประสบการณ์การทำงานของการเป็นนักวิชาชีพในด้านออกแบบให้กับน้องๆนิสิตจุฬาฯที่เข้าร่วมประกวดการออกแบบในครั้งนี้ Team Strategy : Design to Win การสร้างกลยุทธ์ในการแข่งขันเพื่อชัยชนะ หัวใจสำคัญอย่างแรก คือ 'การตั้งเป้าหมาย' ว่า เรามาที่นี่เพื่ออะไร? เราทำงานนี้เพื่ออะไร? และบรีฟที่เราได้รับมาจะนำไปคิดต่อยังไงดี? เพื่อสร้างกลยุทธ์การทำงานนั้นๆร่วมกับทีม จนสามารถบรรลุเป้าหมาย(The Winner) ไปได้สำเร็จ เพราะการประกวด'ออกแบบ' ไม่เหมือนกับ 'การแข่งขันกีฬา' การแข่งขันกีฬา คนที่ทำผลงานดีที่สุดคือผู้ชนะ แต่การออกแบบผู้ที่เก่งที่สุดไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไปครับ เพราะการออกแบบไม่ได้ตัดสินกันมิติเดียวเท่านั้น แต่มีรายละเอียดในการตัดสินหลายอย่าง ทั้งเรื่อง แนวความคิด ฟังก์ชันการใช้งาน บริบทของผู้ใช้พื้นที่ สภาพแวดล้อม เป็นต้น เพราะฉะนั้นทุกคนมีโอกาสที่จะชนะเท่าๆกัน อยู่ที่ใครจะมีกลยุทธ์ในการเอาชนะโจทย์ กำหนดเป้าหมาย และวางแผนการทำงานได้ดีกว่ากัน ส่งผลงานได้ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 และประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ ติดตามผลงานที่เข้ารอบและได้รับรางวัลของนิสิตที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้ทางสื่อออนไลน์ของ Too Fast To Sleep ครับ

  • 3 วิธีแก้ปัญหา สถาปนิกส่งงานออกแบบช้า ให้งานเราเสร็จทันเวลา

    ทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาว่าทำไมสถาปนิก นักออกแบบตกแต่งภายในมักจะส่งงานออกแบบช้า และร่วมหาแนวทางในการทำงานที่ดีขึ้น หลายคนที่เคยใช้บริการผู้ออกแบบ ทั้งงานสถาปัตยกรรม และตกแต่งภายในมักจะเจอเรื่องหนึ่งอยู่เป็นประจำคือการที่ได้รับงานออกแบบช้ากว่ากำหนดบ่อยๆของสถาปนิก ซึ่งมันเป็นปัญหาโลกแตกที่เป็นกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ก็มีคำถามว่าทำไมถึงเป็นพฤติกรรมหมู่ที่เป็นเหมือนๆกันไปหมด ผมจะมาเล่าเบื้องหลังการทำงานออกแบบสถาปัตยกรรม และตกแต่งภายในให้ฟังกันครับ และแนะนำวิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ฟังครับ ปัญหาของสถาปนิกผู้ออกแบบงานนั้นคืออะไรบ้าง มีอยู่ 3 ข้อดังนี้ รับงานซ้อน เกินกำลัง ต้องเข้าใจอย่างนึงครับว่างานออกแบบในบ้านเรานั้นมีมูลค่าที่น้อยเมื่อเทียบกับงานประเภทอื่นๆ และเป็นงานที่ใช้เวลามาก บริษัทเปิดใหม่ หรือทีมงานเล็กๆมักจะเริ่มด้วยงานที่มูลค่าไม่เยอะ ทำให้ต้องทำหลายงานพร้อมกันจึงจะพอเลี้ยงชีพ หรือบางทีงานก็เข้ามาในช่วงเวลาที่ปฏิเสธไม่ได้ บางช่วงไม่ค่อยมีงาน พอจังหวะจะเข้ามาก็มาพร้อมๆกัน จะไม่รับก็เสียโอกาส เป็นลูกค้าประจำต่อเนื่องจะปฏิเสธไปเลยเดี๋ยวคราวหน้ามีงานเค้าไม่เรียกกลายเป็นเสียลูกค้าไปเลย บางทีทีมงานมีพอ แต่อยู่ดีๆลาออกกระทันหันก็มี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องบริหารเวลากันไป คิดงานไม่ออก งานยังไม่ Perfect ยังไม่อยากปล่อยออกไป การออกแบบเป้นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้ความคิดหลายด้าน ไม่ได้คิดในเรื่องของสุนทรีย์และความงามเพียงอย่างเดียว ต้องคิดเรื่องการก่อสร้าง การผลิต งบประมาณ ความเหมาะสมของการใช้งาน ไปจนถึงการตอบสนองต่อแนวความคิด Concept Design ต่างๆ การที่จะออกแบบให้ถึงจุดที่สถาปนิกมองว่าดีนั้นใช้เวลาและความคิดเยอะ บางทีติดบางเรื่องอยู่นาน หรือออกมาก็ดูโอเคประมาณนึง แต่ว่ามันยังไม่สุด หรือไม่ใช่อย่างที่คิดจริงๆ ผู้ออกแบบก็ไม่อยากจะส่งไปให้เจ้าของโครงการดู เพราะถ้าดูแล้วไม่โดนใจก็ต้องมาแก้อีก หรือจะทำให้เสียความเชื่อมั่นได้ สู้ไม่ส่งให้ดูเลยดีกว่า หรืออาจจะเป็นในช่วงของการทำแบบ Design Development ที่คอนเซพท์ต่างๆวางไว้ดีแล้ว แต่ออกแบบจริงได้ไม่ลงตัว เรนเดอร์ภาพยังไม่สวย ก็ต้องการเวลาทำงานที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ การทำงานออกแบบเป็นกระบวนการทำงานที่ทำงานคู่กันระหว่างเจ้าของโครงการและสถาปนิกนะครับ โดยเฉพาะงานประเภทที่อยู่อาศัยนั้นสำคัญมาก ถ้าเจ้าของให้ข้อมูลได้ละเอียด ความต้องการชัดเจน ก็จะทำให้สถาปนิกทำงานได้ราบรื่น และรวดเร็ว ไม่ต้องคิดทางเลือกเผื่อหลายทางมาก และที่สำคัญคือเรื่องของเวลาในการทำงานที่ต้องสัมพันธ์กัน เช่น สถาปนิกอาจจะวางแผนไว้ว่าส่งงานให้วันศุกร์ เจ้าของตรวจงานวันเสาร์ - อาทิตย์แล้วตอบกลับวันจันทร์ได้เลย เพื่อทำงานต่อ แต่เวลาทำจริงอาจจะต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคนอื่นในครอบครัวอีก สรุปกลับมาได้วันพุธ แทน ก็ทำให้ให้ตารางงานรวน วันจันทร์ว่าง แต่คิวไปชนกับงานอื่นที่วางไว้ว่าจะทำวันพุธ พอมันมีหลายๆงานก็จะอีรุงตุงนังไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ฮาาา… นอกจากเรื่องคิวงานบางทีก็เป็นปัญหาทางด้านเทคโนโลยี คอมมาพังเอาช่วงใกล้ส่งงาน ซอฟท์แวร์มีปัญหาใช้งานแล้วเด้งออกบ้าง ซึ่งไม่รู้เป็นอะไรมักจะต้องเสียช่วงที่รีบๆใช้งานด้วย วิธีรับมือกับปัญหา ชีวิตมันเป็นแบบนี้แล้วเราที่กำลังจะหาสถาปนิก Interior Dersigner ทำงานให้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี อันนี้มาแนะนำเคล็ดลับให้ฟังกันครับ คุยแผนงานกันให้ละเอียดตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มต้นงานให้คุยความต้องการให้ชัดเจน ทั้ง 2 ฝ่าย จะทำงานกันในรูปแบบไหน ส่งงานยังไงใครตรวจ ใครตัดสินใจ ใช้เวลาในการตอบกลับกี่วัน นัดคุยประชุมออนไลน์ หรือนัดมาสรุปที่สำนักงาน การทำความเข้าใจตั้งแต่แรกอย่างละเอียดก็ทำให้สถาปนิกวางแผนได้ชัดเจนครับ พูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด ระหว่างการทำงานก็ให้พูดคุยกันบ้างเรื่อยๆ เป็นการกระตุ้นให้งานของเรา Active ตลอดเวลา ไม่ได้ขาดหายไปเลย การติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา สถาปนิกก็จะรู้สึกเกรงใจ หากมีคิวงานซ้อนชนกันยังไงก็จะนึกถึงงานของเรา และทำให้เราก่อนงานอื่นที่รู้สึกว่ามีเวลา รอได้ แต่ก็อย่าคุยเยอะไป ตลอดเวลา หรือดึกดื่น จะทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดได้ ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ห่างไกลกัน แต่ก็ไม่ถึงกับตัวติดกันจนอึดอัดครับ *นอกเรื่องนิดนึง ผมมักจะเปรียบเทียบระหว่างอาชีพสถาปนิกกับวิชาชีพหมอให้เห็นภาพบ่อยๆว่า สถาปนิกก็เหมือนกับหมอที่เป็นการรักษาร่างกาย แต่เป็นการรักษาอาคารแทน เวลาเราไปหาหมอต้องมีการนัดหมาย รอ และเข้าไปพูดคุยรักษาเสร็จแล้วก็จบ ได้คุยอีกทีคือนัดหมายคราวหน้าเลย แต่สถาปนิกเป็นอาชีพที่เรา Anywhere Anytime ลูกค้าทักคุยกับเราตลอดเวลา ตั้งแต่เช้ายันดึก จนจบโครงการก็ยังปรึกษาเรื่องต่างๆได้ ถ้าเทียบกันในเรื่องของเวลาการทำงานแล้ว ค่าตอบแทนสถาปนิกนั้นถือว่าน้อยนิดมากๆครับ สรุปงานให้ชัดเจน กำหนดวันนำเสนองานครั้งถัดไปให้แน่นอน การนำเสนองานแต่ละครั้งให้สรุปรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจุดไหนโอเคแล้ว จุดไหนต้องแก้ ต้องแก้อย่างไรบ้าง เพื่อให้จบงานได้เป็นส่วนๆและไม่ต้องวนกลับไปแก้ไปมาให้งานช้าลงอีก บางส่วนที่สรุปแล้วก็สามารถทำได้ต่อเลย เช่น การสเปกวัสดุ หาดีเทล ฯลฯ หลังจากการสรุปงานแต่ละครั้งให้กำหนดนัดหมายถัดไปทันทีเลย เพราะว่าเป็นการล็อคคิวงานเอาไว้ ถ้ารอสรุปกันภายหลังงานก็อาจจะช้าลงได้ ถ้านัดก่อนสถาปนิกก็จะได้รีบแก้ไขงานให้เลยทันที เพราะรู้ว่าเวลาของโครงการนี้มีให้ทำได้มากน้อยแค่ไหน และไม่แว๊บไปทำงานอื่นคั่นเวลา ทั้งหมดก็เป็นแนวทางในการทำงานเพื่อให้งานออกแบบของเราไม่ช้า สถาปนิกไม่ทำงานเลท และจบงานได้ตรงเวลา สบายใจกันทุกๆฝ่ายครับ ========================= THE COLLECTIVE STUDIO CO., LTD. www.ctstu.com Tel. 094 442 4652 Email: collectivetalk@gmail.com ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจของพวกเราที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube : Tiktok

  • เส้นทางพิชิตจุดสูงสุดของ Kinabalu ที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด

    “ทำไมถึงสนใจมาที่นี่” คำถามของพี่ร่วมทริปในระหว่างการเดินอันสะบักสะบอมลากสังขารของตัวเองกันออกจากอุทยาน คิดๆไปมันก็นานจนลืมไปแล้วว่าทำไมถึงอยากมา อาจเป็นเพราะเสน่ห์ของ South Peak หรือไม่ก็เพราะอยากสัมผัสยอดเขาที่สูงเกือบที่สุดของ South East Asia สร้าง Record สักอย่างให้กับชีวิตตัวเอง เมื่อเพื่อนชวนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เลยรีบจองทันทีกับทริปพิชิตยอดเขา Kinabalu เดี๋ยวนี้ไม่มีบินตรง ต้องต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ออกจากบ้านเช้ามืด กว่าจะมาถึงที่พักในอุทยานก็ค่ำพอดี ใช้เวลานานมาก ค้างคืนแรกกันในบ้านพักอุทยานที่ดูดีเลยทีเดียว สามารถมาพักผ่อนแบบเป็นครอบครัวกันได้ น้ำแรง ร้อนดี แต่ว่าต้องเปิดสวิทช์ล่วงหน้า 30 นาทีนะ (ไม่รู้ว่าต้มมาจากหุบเขาตรงไหนนานเชียว) เช้ากินข้าวที่ห้องอาหารที่วิวดีมาก อยากนั่งชิลๆดื่มด่ำบรรยากาศนานๆ และไม่พลาดที่จะต้องกิน Diamox ครึ่งเม็ดป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะเคยพลาดเกิดอาการ AMS มาแล้ว ได้กล่องอาหารกลางวันเป็นไก่ย่าง ไข่ต้ม แอ๊ปเปิ้ล (รวมๆกันก็หนักอยู่) แล้วก็เซ็นเอกสาร แจกบัตรคล้องคอที่ให้ทุกคนใส่ไว้ตลอดเวลา ชั่งน้ำหนักสำหรับผู้ที่ต้องการให้ลูกหาบนำสัมภาระขึ้นไปให้ ฟังบรีฟจากไกด์ที่ Tympo Gate ว่าเราจะทำอะไรบ้าง โดยเริ่มเดินตอนประมาณ 9 โมง ระยะทาง 6 กิโลเมตร ถึงที่พักของเรา โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทางเดินช่วงแรกเป็นป่าดิบชื้น ที่เป็นทางเดินลาดๆ แต่เดินหล่อๆเพียงแป๊บเดียว ก็เริ่มเป็นขั้นบันไดที่สูงชัน ระหว่างทางมีซุ้มให้พักทุกกิโลเมตร แต่เรารู้สึกว่ากิโลแม้วยังไงไม่รู้ ดูไกลเกินจริง กว่าจะผ่านแต่ละ 500 เมตรโคตรจะนาน วิว 2 ข้างทางส่วนมากก็จะเป็นป่า ไม่ค่อยได้เจอแดดเท่าไหร่ มีเพียงแค่บางช่วงที่เป็นสะพานข้ามยอดเนินที่จะได้เห็นบรรยากาศข้างทางบ้าง พยามจะหาหม้อข้าวหม้อแกงลิงแต่ว่าไม่เจอ พรรณไม้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเฟิร์น และสน อยู่ในความชื้นตลอดเวลา ก่อนมาเราก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีความฟิตพอสมควร แม้จะไม่มาก แต่พอมาเดินจริงรู้สึกว่าขาดความฟิตไปมาก ได้แต่มองลูกหาบเดินขนของแซงขึ้นไปด้วยความรู้สึกอิจฉาในพละกำลัง รู้สึกว่าเดินช้ากว่าที่ควร แต่ยิ่งพยามเร่งตัวเอง ก็ยิ่งเหนื่อย Heart Rate ก็ค่อนข้างสูงมาก ขึ้น 160 up ตลอดเวลา พยามประคองให้ไม่เกิน 140 เพราะกังวลว่าถ้าเหนื่อยเกินไปจะเกิดอาการ AMS ถามหาได้ และจะเพลียจนไปมีพลังไปจนสุด เลยจอดเติมพลังระหว่างทางไปเรื่อยๆ ค่อยๆลดน้ำหนักที่มีในกระเป๋าลง เดินประคองตัวเอง และพี่ในกลุ่มไปเรื่อยๆ จนถึงจุดพักหลักกิโลเมตรที่ 4 มองขึ้นไป โอว... ทางดูจะทุรกันดารและชันมากขึ้นกว่าเดิมอีก หันดูเวลา เกือบจะ 4 โมงเย็นแล้ว ต้องรีบทำเวลาแล้วล่ะ จากจุดนี้ขึ้นไปจะมีวิวเปิดโล่งมากขึ้น บางช่วงจะเป็นต้นไม้เตี้ย มองเห็นยอดเขาคินาบาลู ที่มองแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเราจะขึ้นถึงบนนั้นตอนเช้าวันรุ่งขึ้นได้ยังไง มันดูไกลเดินเอื้อมมากๆ แต่เวลาไม่มีมากพอให้เราชื่นชมความสวยงามของวิวได้นานนัก กว่าจะถึงกิโลเมตรที่ 5 นั้นรู้สึกว่ายาวนานขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าทางชัน และเดินลำบากขึ้น ต้นไม้บริเวณชั้นนี้นั้นสวยงามแบบประหลาด เหมือนอยู่ในป่าลึกลับในจินตนาการ ต้นไม้มีรูปทรงแปลกๆ บางช่วงเป็นสีแดง เหมือนเชื้อเชิญให้เราเข้าสู่แดนสนธยาที่ไม่เปิดให้เดินย้อนกลับไปได้ ช่วงสุดท้ายจะมีป้ายบอกทุก 100 เมตรว่าจะถึงที่พัก ซึ่งเราไม่เคยรู้สึกว่า 100 เมตรไหนจะยาวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แสงก็เริ่มจะหมด รู้สึกตัวอีกทีก็เหลืออยู่ 2 คนกับพี่ร่วมทริป ซึ่งก็ต้องเดินประคองแกไปด้วย ไม่รู้ว่ากลัวแกเหงา หรือตัวเองเหงากันแน่... ผลคือถึงที่พักเป็น 2 คนสุดท้าย พร้อมแสงสุดท้ายของวัน ชาวบ้านเค้ากินข้าวอาบน้ำกันเสร็จหมดแล้ว 🤣 ได้แต่มองแสงยามเย็นผ่านหน้าต่าง แล้วรีบกินข้าวก่อนที่ไลน์อาหารจะถูกเก็บไป อาหารที่นี่ก็จะเป็นข้าว ผัดหมี่ สปาเก็ตตี้ และมีไก่ต้มซิอิ้ว แกงเนื้อ ฯลฯ ซึ่งปริมาณถือว่ามีให้กินแบบไม่อั้น ส่วนรสชาติก็ออกเค็มซะเป็นส่วนใหญ่ กินเสร็จเข้าห้องน้ำ น้ำก็ไหลดั่งน้ำหยดในซอกหินเดือนเมษายน ได้แต่เช็ดตัวแปรงฟัน กินข้าวเสร็จ ตบ Diamox อีกครึ่งเม็ดแล้วรีบนอนซะ ซึ่งพอเดินเหนื่อยๆมันก็ไม่ใช่ว่าจะหลับได้เลย ด้วยความที่ห้องพักเป็นเตียง 2 ชั้น ห้องละ 8 คน ทำให้เสียงค่อนข้างจะดังในความเงียบ เวลาใครขยับตัวหรือมีคนเดิน กว่าจะหลับจริงๆก็เกือบสี่ทุ่ม ตีหนึ่งครึ่ง ตื่นมากินข้าว เริ่มปวดหัว อึนๆ กินข้าวไม่ลง อาการเดิม AMS ถามหาแน่ๆ Diamox ที่กินไปไม่ช่วยอะไรเลยหรือนี่ นั่งเขี่ยผัดหมี่ในจานไปมาตัดสินใจจะไปหรือนอนต่อดี ถ้าไป แล้วอาการเป็นหนักกลางทางก็ลำบาก คราวก่อนกว่าจะเดินลงมาจากฟูจิได้โคตรทรมาน ถ้าไม่ไปต่อ แปลว่าเราจะล้มเหลวเป็นครั้งที่ 2 และคงจะไม่มีครั้งถัดไป รวมถึงไม่กล้าไปเที่ยวที่สูงๆที่ไหนได้อีก โคตรเจ็บปวด !!! คิดไปซดกาแฟร้อนไป อาการเริ่มดีขึ้น ปวดหัวเริ่มลดลง เลยไปกดกาแฟมาจิบอีก อ้าว.. ไม่ปวดหัวละ งั้นตั้งสติ ไปวะ สู้สักตั้ง ตีสองครึ่งไกด์เรียกมารวมตัวกัน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมไฟฉายคาดหัวต้องมีทุกคน เพราะทางมืดมาก บรีฟรายละเอียดถึงการเดินขึ้นยอดเขาเป็นระยะทาง 3 กม. ใครที่ไม่ไหวอย่าฝืนเพราะค่อนข้างอันตราย ให้ประเมินตัวเองด้วย ถ้าไม่ไปต่อก็ขอกุญแจห้องจากไกด์กลับลงมานอนต่อซะ ณ จุดนี้ คิดว่าก็ลองดู มาถึงตรงนี้ไม่มีใครพิสูจน์อะไรได้นอกจากการพิสูจน์ตัวเอง ถ่ายรูปรวมแล้วเริ่มเดิน เป็นการเดินท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างของคืนวันมาฆบูชา เหมือนเดินจงกรมทำสมาธิสมาธิแสวงบุญกันเป็นหมู่คณะ ตัวเองพยามสร้างจังหวะการเดินที่พอดี คือเดินสี่ก้าว หยุดหายใจสี่ทีแล้วก้าวต่อ เดินให้ต่อเนื่อง พยามเสพออกซิเจนเข้าไปให้สุดปอด โฟกัสกับร่างกาย ระหว่างทางในช่วงแรกจะไม่เห็นอะไรเลย นอกจากพวกเรากันเองที่เดินต่อแถวชิดกันไป จนผ่านไปสักชั่วโมง แถวเริ่มกระจายห่างกันมากขึ้น เริ่มออกจากป่า หยุดมองขึ้นไปก็เห็นแสงไฟเป็นดวงๆเหมือนหิ่งห้อยที่พยามบินขึ้นไปบนยอดเขา มองไปด้านล่างก็เห็นไฟกระพริบๆตามขึ้นมา เราคือหมู่ภมรที่ล่องลอยอยู่บนเขาแห่งนี้ เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เราไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น สติจดจ่อกับร่างกายและทางที่เดิน พยามรักษาเวลาให้ทันจุด Cut off ตอนตี 5 ซึ่งก็มาทันตอนตีสี่ยี่สิบ รู้สึกโล่งอกที่ทำเวลาได้ดี และร่างกายยังโอเค รอดแล้วล่ะ หลังจากนี้เริ่มเป็นพื้นหินที่ชันขึ้นอีก ต้องอาศัยการปีนป่ายไต่เชือกขึ้นไป ปีนไปก็คิดว่าตอนลงคงจะเสียวน่าดู ปีนสีก้าว หายใจสี่ทีเหมือนเดิม แต่คราวนี้ต้องหยุดพักบ้างเป็นระยะ เพราะอากาศเบาบาง หายใจไม่ทัน ฟ้าเริ่มสาง ณ กิโลเมตรที่ 8 บนความสูง 3929 เมตร และทางเริ่มลาด และมองเห็นบรรยากาศรอบตัวได้มากขึ้น แสงเช้าสาดมาที่ยอดเขา หันมองกลับไปนี่เราอยู่บนลานสวรรค์เหนือเมฆด้านล่างแล้วนี่ วิวนี้แหละที่ใฝ่ฝันจะมาสัมผัสสักครั้ง หลังจากชื่นชมบรรยากาศสักพักพี่ๆในกลุ่มก็ชวนขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายด้านบน อ้าว นี่เราต้องปีนก้อนหินขึ้นไปอีกหรอเนี่ยถึงจะเป็นผู้พิชิต เดินตามเค้าไปห่างๆแล้วหยุดที่ป้าย มารดำบอก “มาจุดนี้ก็เรียกว่าถึงแล้วแหละ หามุมถ่ายรูปชิลๆไปดีกว่า” มารขาวบอก “เฮ้ย!!! มันยังไม่สุดมันต้องไปให้ถึงสิวะ ใครถามว่าจุดนั้นเป็นยังไงก็ตอบเค้าไม่ได้ มาตั้ง 4000 เมตร เหลือ 95 เมตรอย่ามาโกงตาชั่ง” มอง 95 เมตรนั้นแล้วก็ถอนหายใจ ไปวะ... ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดตอน 7.20 ตลาดเริ่มวายละ คนกำลังจะกลับกันหมด ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนที่อยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขานั้นคิดอะไร? จุดสูงสุดนั้นมากับความเคว้งคว้าง น่ามาสัมผัส แต่ไม่น่าอยู่นาน โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่คนเดียว ========== การขึ้นมานั้นเหนื่อย แต่ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะมองเห็นเป้าหมายปลายทางเดียว แต่การลงนั้นใช้สติและพละกำลัง เพราะต้องใช้ขายั้งร่างกาย และทรงตัวให้ดี ไม่งั้นกลิ้งลงไปข้างล่างแน่ๆ และมันมีทางเลือกในการลง ทำให้ต้องคิดเยอะ อย่างนึงที่พลาดคือเตรียมตัวแค่จะขึ้นมา ไม่ได้เตรียมการสำหรับตอนลง แดดบนนึ้แรงมาก อย่าลืมพกแว่นกันแดด ครีมกันแดด หมวกสำหรับกลางวันในการเดินลงกันด้วย ลงมาถึงที่พักตอน 10 โมง เพื่อนๆโกยของออกมาจากห้องพักให้เรียบร้อย รีบกินข้าวก่อนที่จะหมดและเตรียมตัวลง เขียนโปสการ์ดส่งกลับบ้านตามธรรมเนียม แต่ต้องขึ้นไปซื้อแสตมป์ส่งอาคารข้างบน เชดดด… กูเห็นละตอนลงมา หลังจากใช้แรงขาไปจนหมด ณ จุดๆนี้หนักใจกว่าปีน 95 เมตรนั้นซะอีก เลยชักชวนน้องๆในทริปให้เขียนโปสการ์ส่งกันสิ แล้วเนียนฝากไปส่งให้หน่อย ========= การลงมาจากเขาก็เป็นอีกจุดที่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะร่างกายยังไม่ได้พักก็ต้องลงแล้ว แถมดันเจอฝน หินลื่น ต้องประคองตัวดีๆ เป็นอีกครั้งนึงในชีวิตที่รู้สึกว่ามันทรมานร่างกายสุดๆ ปวดทุกการก้าวลงมา แต่ละเมตรที่ผ่านไปนั้นช่างยาวนาน และด้วยความทรมานปนความเปียกปอน ทำให้ตลอดทางลง แทบไม่ได้ถ่ายรูปเลย จากที่คิดว่าใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของตอนขึ้น กลับใช้เวลาเดินกิโลเมตรละชั่วโมง นานพอๆกับเดินขึ้นเลย และคำถามว่า " ทำไมถึงสนใจมาที่นี่? " ของพี่เจี๊ยบที่ร่วมเดินกันลงมาตอนถึงกิโลเมตรที่ 2 นั้น ทำให้ผมคิดอีกครั้งว่าทำไมถึงคิดอยากมาที่นี่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สิ่งที่รู้สึกว่า 'สำเร็จจริงๆ' กลับไปใช่การไปถึงยอดเขา แต่เป็นการพิชิตเอาชนะใจตัวเองให้อดทน และทำมันให้สำเร็จจริงๆ ตลอดทางมีหลายครั้งมากที่ลังเล และคิดว่าจะหยุด แต่สุดท้ายเราก็กัดฟันเอาชนะความท้อแท้ ความเจ็บปวด แล้วไปต่อจนจบให้ได้ ถึงซุ้มประตู แจ้งชื่อเช็คตรงทางออก ครบ 32 ชั่วโมงพอดี แล้วก็หลุดพ้นกลับมาสู่โลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง รับใบประกาศนียบัตร แล้วกลับเข้าไปพักโรงแรมสบายๆในเมือง ที่แชงกรีล่า (ปลอม) ฮาาาาา.... ช่างเป็นวันอันแสนทรหด ตื่นมาตั้งแต่ตีหนึ่งครึ่ง ขึ้นสู่ยอดเขาและกลับมาสู่ระดับน้ำทะเลอีกครั้งในตอนเย็น เลยต้องกินซีฟู๊ดสักมื้อเป็นการฉลองความสำเร็จปิดท้าย และก็เหมือนหลายๆเรื่องในชึวิตที่ระหว่างทางเราอาจจะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างเดินน้ำตาจะไหล แต่พอเราอิ่มกายสบายใจ ผ่านมาได้มันก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่ต้องบอกว่าการพิชิตยอดเขาคินาบาลูแห่งนี้มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน ควรจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ประมาณหนึ่ง รวมถึงมีความแข็งแรงมากพอ ไม่อย่างนั้นคุณจะติดอยู่ในเพลง "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง" ของพี่เบิร์ด ซึ่งในความจริงมันไม่ขำเหมือนตอนเล่นมุขกัน หลายคนโดนหิ้วปีกหมดสภาพมาจากข้างบน บางคนต้องขี่หลังลูกหาบลงมา สภาพอย่างเยิน เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อคอนเทนต์ที่บอกว่า สบายๆ ชิลๆ เป็นอันขาด กว่าครึ่งของคนในทริปนั้นพูดตรงกันว่าทริปนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคนโดยเฉพาะมือใหม่หัดเดิน เพราะแม้ว่าสุดท้าย เราก็จะถูกประคองกันไปจนจบทริปก็เถอะ แต่จะเป็นความเครียดและทรมานเสียมากกว่า รวมถึงจะทำให้เพื่อนร่วมทริปช้าไปด้วยกันจนหมดเวลาสนุก ที่สนามบินคินาบาลู ถ้าเห็นคนเดินลากขา รู้เลยว่าเพิ่งลงจากเขามา… และคงจะเดินกะเผลกไปอีกหลายวัน ========================

  • มีนาแล้ว มีใจเตรียมไปรับลมร้อนกับ กิจกรรมนิทรรศการ งานศิลปะในเดือนมีนาคม2567 กันหรือยัง??

    ปี้นี้ทางอุตุนิยมเตือนจะร้อนกว่าปีที่แล้วมากขึ้นไปอีก! เพราะฉะนั้นทุกคนในเดือนนี้บอกเลยว่า เต็มไปด้วยกิจกรรม นิทรรศการ งานศิลปะให้เราได้รับลมร้อนกันแบบเต็มๆ เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูร้อนในเดือนหน้าไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลบอลลูน การไปเดินเที่ยว กิน เล่น หรือไปรับชมผลงานศิลปินมากความสามารถด้วยนิทรรศการที่น่าสนใจมากมาย เลือกได้ตามความต้องการของพวกคุณกันได้เลยครับ มาดูกันเลยว่าจะมีกิจกรรม เทศกาล นิทรรศการ งานศิลปะอะไรบ้าง… 1.BALLOON FESTIVAL กรุงเทพ เมืองที่รายล้อมไปด้วยตึกใหญ่ แต่ในวันที่ 8 - 10 มีนาคมนี้ เราจะได้เห็นบอลลูนมากมายลอยตัวขึ้นทั่วท้องฟ้า! นับเป็นเซอร์ไพรส์ให้ชาวกรุงเทพไปรับลมร้อนกัน กับนิทรรศการ Balloon Festival ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่ทุกคนจะได้เห็น บอลลูนสีสันสดใส ชวนให้ใจฟู ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า จะชวนใครไปเดท ไปพักผ่อน วาดรูป หรือถ่ายรูป ก็ได้ ภายในงานยังมีจำหน่าย street food จาก Foodtruck ร้านดังอีกเพียบ มากินลมชม Balloon กันได้ที่งานนี้เลยครับ พิกัด: สวนพาร์ค เซ็นทรัล พระราม 2 ระยะเวลา: 8 - 10 มีนาคม 2567 เวลา: - 2. KNOCK KNOCK MARKET FEST แล้วอะไรมันจะไปมีความสุขเท่ากับ "การเสียเงินไปกับ ของกิน เสื้อผ้า และได้เจอศิลปินคนโปรด แล้วถูกไหมครับ(ฮา)" บอกว่าเลยงานนี้ครบรส เพราะภายในงานมีทั้งของกินจากร้านดัง เสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ามือ 1 มือ 2 เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน กิจกรรมงาน คราฟต์ อาหารทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม และพิเศษ! มีคอนเสิร์ตฟรีจากศิลปิน Nap a Lean, Better Weather, Lower Mansion, และ Cornboi แบบจัดเต็มให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกันทุกวันอีกด้วย พิกัด: ณ จุฬาซอย5 (สวนหลวงบรรทัดทอง-ดราก้อนทาวน์) ระยะเวลา: 21 - 24 มีนาคม 2567 เวลา: 15.00 - 23.00 น. 3. Conversations with Strangers ครั้งล่าสุด ที่คุณรู้จัก พูดคุย ทักทาย สบตา หรือส่งยิ้มให้กับคนแปลกหน้าคือเมื่อไหร่? นิทรรศการ ผลงานโดย เปาวเรศ โชคแสน ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสังเกตผู้คนในชีวิตประจำวันรอบตัว ตลอดจนเก็บเกี่ยวเรื่องราวเนื้อหาชีวิตจากผู้คนในชุมชนเก่าแก่ที่ตัวเองมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ผ่านผลงานศิลปะจิตรกรรมที่มีองค์ประกอบและสีสันแปลกตาอันเป็นเอกลักษณ์ ผู้ชมจะสามารถสัมผัสได้ถึงบทสนทนาแห่งชีวิตที่ศิลปิน ได้ผสมผสานความรู้สึกส่วนตัวเข้ากับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตรอบตัวของเขาด้วยท่าทีที่เรียบง่าย ธรรมดาแต่แฝงไปด้วยความหวังและความสุข เปรียบเสมือนการสร้างบทสนทนาที่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้คนและชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่อย่างไม่รู้จบ พิกัด: อาคาร Peterson  712/1 ถ. สุขุมวิท แขวง-คลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 ระยะเวลา: วันนี้ - 23 มีนาคม 2567 เวลา: 11:00 - 19:00 น. 4. IMAGINATION REVERIE นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ ณัฐธัญ กองมะลิกันแก้ว ที่นำเสนอสภาวะอารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนและคลุมเครือ ศิลปินจึงเลือกที่จะใช้วิธีการสำรวจภาวะอารมณ์โดยแทนค่า เป็นพื้นที่ป่าที่กว้างใหญ่โอบล้อมคน ในบริบทแตกต่างกันแต่สิ่งที่มีเหมือนกัน นั่นคือ ความรู้สึกแปลกประหลาด ที่ดูเปลี่ยวเหงาลึกลับเสมือนการเดินทางกลับไปสู่ภายในจิตใจของตนเองที่ไม่มีใครอื่นมีเพียงตัวเราเท่านั้นในโลกแห่งนี้ พิกัด: MUNx2 ระยะเวลา: วันนี้ - 17 มีนาคม 2567 เวลา: 11:00 - 19:00 น. 5. FIND . LINE . LAND แรงบันดาลใจนิทรรศการ A HOUSE WITHOUT A ROOF ได้เกิดขึ้น เมื่อสวนบอนไซ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะ ผลงานชุดนี้จึงก่อเกิดขึ้นจากจินตนาการของศิลปิน ในการจำลอง ประกอบ และจัดวางสวน ให้กลายเป็นดินแดนซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน แม้ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ต่างวิถีการดำเนิน หรือต่างความเชื่อ แต่ใดๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนคือ ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ อีกทั้งผลงานชุดนี้ยังชวนให้ศิลปินย้อนขบคิดระหว่างการชมสวนบอนไซว่า... สิ่งที่เราเห็นนั้นล้วนประกอบด้วยความไม่จริงและการไม่มีชีวิต หากแต่สิ่งต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยจินตนาการของตัวเราเอง พิกัด: House of Upa-in ระยะเวลา: วันนี้ - 24 มีนาคม 2567 เวลา: 10:00 - 16:00 น. 6. A HOUSE WITHOUT A ROOF นิทรรศการ A HOUSE WITHOUT A ROOF ศิลปินกล่าวถึงแนวคิดเรื่องบ้านจากสถานที่ทางกายภาพและทางอารมณ์ที่หลากหลาย โดยจัดการกับความหมายที่เป็นส่วนตัวอย่างลึกซึ้งแต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าการใช้สิ่งที่จับต้องได้ทางกายภาพและโครงสร้างของบ้านเป็นจุดเริ่มต้น แต่บ้านกลับมีความเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อที่ไร้รูปร่างและการไตร่ตรองในนิทรรศการนี้ ทั้งสองนำเสนอความเป็นไปได้ในจินตนาการของบ้านในรูปแบบเคลื่อนที่และไม่แน่นอน โดยประเมินมิติของเครือญาติ ความเป็นเจ้าของ และผู้ชม พิกัด: Nova Contemporary ระยะเวลา: วันนี้ - 14 มีนาคม 2567 เวลา: 17:00 - 18:00 น. 7. SOMEWHERE ONLY WE KNOW “ที่เพียงเรารู้” นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ Art of Hongtae หรือ กนต์ธร เตโชฬาร ศิลปินมากความสามารถที่จะพาผู้ชมเดินทางสู่โลกกึ่งความจริง กึ่งฝัน กึ่งสุข กึ่งเศร้า ผ่านผลงานศิลปะของเหล่า “คนหัวเมฆ” คาแรคเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากส่วนลึกในหัวใจของเขา พิกัด: Bangkok Galleria 4, ชั้น2 ระยะเวลา: 15 มีนาคม - 21 เม.ย. 2567 เวลา: 17:00 - 18:00 น. ======================== ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่ Facebook : Instagram : Twitter : Youtube

  • ออกแบบเองหรือใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน แบบไหนที่เหมาะกับคุณ

    สำรวจข้อดีและข้อจำกัดของการออกแบบตกแต่งภายในด้วยตัวเอง และการเลือกใช้บริษัทออกแบบภายใน เมื่อพูดถึงการออกแบบตกแต่งภายในพื้นที่อยู่อาศัยของคุณ ไม่ว่าจะเป็นอะพาร์ตเมนต์ที่สะดวกสบาย บ้านที่กว้างขวาง หรือทาวน์โฮมที่ทันสมัย เจ้าของบ้านหลาย ๆ คนก็มักเกิดคำถามขึ้นในใจอยู่บ่อยครั้งว่า การเลือกออกแบบตกแต่งภายในพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง และการเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในนั้น การเลือกแบบไหนสามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการในการออกแบบตกแต่งได้อย่างลงตัวกับความต้องการของตัวเองมากกว่ากัน ฉะนั้นแล้วในบทความนี้ THE COLLECTIVE STUDIO จึงอยากจะขอพาทุกคนไปร่วมเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันของการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวเองและการเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า ตัวเลือกไหนมีความเหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างดีที่สุด ข้อดีของการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาบริษัทออกแบบภายใน ประหยัดค่าใช้จ่าย การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดงบประมาณได้บ้าง เพราะคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการให้กับบริษัทหรือผู้ให้บริการงานออกแบบระดับมืออาชีพ เหมือนเช่นการเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน คุณจึงสามารถจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ไปใช้สำหรับการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ได้ลงมือทำเองอย่างเต็มที่ การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยโดยไม่พึ่งพาบริษัทออกแบบภายใน จะทำให้คุณได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และความชื่นชอบของคุณออกมาอย่างเต็มที่ แต่ในที่นี้จะรวมถึงการต้องให้เวลากับมัน เพราะคุณจะต้องเริ่มตั้งแต่ออกแบบภาพในหัว จัดวาง และหาข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมดด้วย ถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มีเวลาสำหรับการจัดการงานออกแบบภายในเหล่านี้ เพราะถือเป็นงานยักษ์ไม่น้อยเลย ข้อจำกัดของการออกแบบด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาบริษัทออกแบบภายใน ใช้เวลานาน หากคุณไม่ได้มีประสบการณ์ในการออกแบบมาก่อน หรือไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับหลักการในการออกแบบตกแต่งภายในเหมือนอย่างเช่นผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทออกแบบภายใน การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวเองจะใช้ระยะเวลาในการออกแบบและเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่มากกว่าการใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน อีกทั้งการออกแบบบางอย่างยังอาจทำไม่ได้จริงหรือทำแล้วไม่สวยงาม จนทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนที่มากขึ้นในภายหลังอีกด้วย ทรัพยากรที่จำกัด บริษัทออกแบบภายในส่วนใหญ่มักจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรในการออกแบบตกแต่งภายในที่มีความสวยงามและมีคุณภาพที่เหนือกว่าบุคคลทั่วไป เช่น รู้จักผู้ผลิตที่หลากหลาย มีตัวอย่างวัสดุให้เลือกเยอะกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยตัวคนเดียวโดยที่ไม่พึ่งพาบริษัทออกแบบภายในจึงอาจทำให้คุณต้องประสบกับข้อจำกัดของทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีความสำคัญสำหรับการออกแบบตกแต่งภายในได้ งบประมาณบานปลาย การออกแบบเองโดยที่ขาดประสบการณ์ก็จะทำให้เกิดงานสิ้นเปลืองในการออกแบบ รวมถึงขาดการวางแผนรับมือกับความผิดพลาดในการตกแต่งที่จะเกิดขึ้นได้ ทำให้การทำงานจริงจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก การที่คิดว่าประหยัดค่าออกแบบอาจจะกลายเป็นจ่ายมากกว่าที่คิดไว้ การไม่พึ่งพาประสบการณ์ของบริษัทออกแบบภายใน ทำให้เราต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกมาก ข้อดีของการใช้บริการบริษัทออกแบบภายในในการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัย ความเชี่ยวชาญในระดับมืออาชีพ บริษัทออกแบบภายในมีทีมสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความรู้ในแวดวงของการออกแบบมาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นแล้วคุณจึงสามารถมั่นใจได้ว่า การเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในจะช่วยให้คุณได้มาซึ่งพื้นที่อยู่อาศัยที่มีความสวยงาม อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ความชอบและการใช้งานได้อย่างลงตัวมากที่สุดอย่างแท้จริง การช่วยประหยัดเวลา การเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดพลังงานและเวลาอันมีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากบริษัทออกแบบภายในมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะทำหน้าที่ในการช่วยจัดการรายละเอียดที่ซับซ้อนของจัดหาซัพพลายเออร์ วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และการวางแผนการตกแต่งภายในให้กับคุณได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ การใช้บริการบริษัทออกแบบภายในยังช่วยให้คุณรู้ระยะเวลาในการตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัยที่ชัดเจนอีกด้วย ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ ไม่จำเป็นว่าการออกแบบภายในด้วยตนเองจะทำให้คุณสร้างสรรค์งานของตัวเองได้เต็มที่ แต่คุณสามารถใช้บริการบริษัทออกแบบภายในและแสดงตัวตนของคุณได้เช่นกัน เพราะบริษัทออกแบบภายใน จะเน้นให้คำแนะนำและปรับการออกแบบตามที่เจ้าของพื้นที่ต้องการ โดยอาศัยความเป็นมืออาชีพมาช่วยดำเนินงานออกแบบภายในของคุณให้ง่ายยิ่งขึ้น ได้งานออกแบบที่ผลลัพธ์ที่ออกมาดูดี โดยที่ไม่ทิ้งตัวตนของคุณไปเลยแม้แต่น้อย มีที่ปรึกษาที่คอยให้คำแนะนำ หลายเรื่องเราอาจจะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองได้ แต่การที่มีบริษัทออกแบบภายในคอยให้คำแนะนำและปรึกษาย่อมดีกว่า การมองปัญหาจากหลายมุมมองจะทำให้งานออกมาดีขึ้น ลดความผิดพลาดการการทำงานจริง และสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหาให้มากกว่าแค่เท่าที่เห็น ข้อจำกัดของการใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน ค่าใช้จ่าย การใช้บริการออกแบบตกแต่งภายในโดยบริษัทออกแบบภายใน มักจะมาพร้อมด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงกว่าการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยตัวเอง และหากยิ่งคุณเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงหรือได้รับรางวัลการันตีอย่างหลากหลาย รวมถึงมีการเลือกแพ็กเกจการออกแบบที่มีสโคปการทำงานที่ค่อนข้างกว้าง คุณอาจต้องเจอกับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามขอบเขตการทำงานเหล่านั้น แต่ก็มาพร้อมกับผลลัพธ์ของงานตกแต่งภายในที่จะออกมาตรงใจ ถือเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ที่คุณสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ความท้าทายในการสื่อสาร การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยทำให้ความชื่นชอบและความต้องการของคุณถูกนำมาตีความหมายเข้ากับการออกแบบของบริษัทออกแบบภายในได้อย่างลงตัว เพราะฉะนั้นแล้ว ในการเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในทุกครั้ง คุณจำเป็นที่จะต้องวางแผนการสื่อสารกับบริษัทออกแบบภายในอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจผิดหรือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันที่จะนำไปสู่การเกิดความไม่พอใจในผลลัพธ์สุดท้ายของการออกแบบตกแต่งภายในได้ ออกแบบตกแต่งภายในด้วยตัวเอง หรือเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน เลือกแบบไหนดี ? ท้ายที่สุดแล้ว การจะตัดสินใจว่าจะเลือกออกแบบตกแต่งภายในด้วยตัวเอง หรือเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายใน แบบไหนจะสามารถตอบโจทย์กับความต้องการของคุณได้อย่างดีที่สุดนั้น ล้วนต้องขึ้นอยู่กับความต้องการ ความชอบ งบประมาณ และข้อกำจัดส่วนบุคคลของคุณ ทั้งนี้คุณควรคำนึงถึงผลลัพธ์ในระยะยาวด้วยว่า ถึงแม้การออกแบบตกแต่งภายในด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าในช่วงแรก เพราะไม่ต้องเสียค่าดำเนินงาน แต่ถ้าหากมีปัญหาในการตกแต่งภายในเกิดขึ้น เช่น เลือกเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ไม่ได้มาตรฐาน ขนาดไม่เหมาะสมกับพื้นที่ คุณก็อาจจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ ในการแก้ไข ที่อาจมากกว่าการเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในตั้งแต่แรกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้บริการบริษัทออกแบบภายในจึงนับได้ว่าเป็นทางเลือกในการออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะได้มาซึ่งงานตกแต่งภายในพื้นที่สามารถสะท้อนถึงบุคลิกและความชอบของคุณออกมาได้อย่างดีที่สุดภายใต้งบประมาณตามที่ได้ตกลงกันไว้ อีกทั้งคุณยังสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสมาชิกภายในครอบครัวที่คุณรักได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยให้บ้านกลายมาเป็นสถานที่ที่คุณจะสามารถเรียกว่าบ้านได้อย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาบริษัทออกแบบภายใน รับออกแบบตกแต่งภายใน ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการด้วยโซลูชันการออกแบบที่หลากหลาย ด้วยผลทางการออกแบบตกแต่งภายในที่มีความสวยงามตรงใจตามแบบที่ต้องการ ที่ THE COLLECTIVE STUDIO เราคือบริษัทออกแบบภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบและการผลิต ทั้งงานสถาปัตยกรรม รับออกแบบตกแต่งภายใน รับตกแต่งภายใน ออกแบบร้านอาหาร ออกแบบสปา ออกแบบสำนักงาน ออกแบบออฟฟิศ ออกแบบรีสอร์ต ออกแบบโรงแรม อินทีเรียดีไซน์ กราฟิกและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบครบวงจร โดยสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบสปาและการรับออกแบบตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูง โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด มองหา บริษัทออกแบบภายใน หรืออินทีเรียดีไซน์ ติดต่อ The Collective Studio Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

  • 4 เทคนิคการออกแบบสปา ให้บรรยากาศผ่อนคลาย และมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

    แนะนำไอเดียในการออกแบบสปาที่ช่วยตอบโจทย์การปรับสมดุลทางร่างกายและจิตใจได้อย่างลงตัว หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและการทำกิจกรรมต่าง ๆ มาตลอดทั้งวัน “สปา” ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและเติมพลังให้ร่างกายกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว ความสำคัญของการออกแบบสปาจึงไม่ได้มีเพียงแค่การออกแบบพื้นที่และสภาพแวดล้อมภายในสปาให้มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครเท่านั้น แต่การออกแบบสปายังจะต้องเอื้อต่อการช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มความสุขทางใจไปได้พร้อม ๆ กัน วันนี้ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน THE COLLECTIVE STUDIO จึงมีเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณออกแบบสปาให้เป็นสถานที่ที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เจาะลึก 4 เทคนิคในการออกแบบสปา ให้ช่วยเพิ่มความสุขทั้งทางร่างกายและจิตใจ 1. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติในการออกแบบสปา ศิลปะในการตกแต่งและออกแบบสปา ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยทำให้สปาของคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ที่สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึก และความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการได้อย่างไม่รู้ลืม โดยในการออกแบบสปาที่จะสามารถช่วยส่งเสริมบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและผ่อนคลายนั้น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ อาทิ เตียงนวดสปาจากไม้ เก้าอี้จากหิน ตลอดจนโต๊ะและชั้นวางของจากไม้ไผ่ ถือเป็นหนึ่งในไอเดียสำคัญที่จะช่วยทำให้บรรยากาศภายในสปาดูสบายตาและผ่อนคลาย อีกทั้งยังสามารถช่วยเชื่อมโยงบรรยากาศของการออกแบบสปาให้ใกล้ชิดกับความเป็นธรรมชาติ ที่ช่วยตอบโจทย์สำหรับทั้งการพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและการช่วยบำบัดจิตใจให้หลุดพ้นจากความเครียดและความเหนื่อยล้าได้อย่างแท้จริง ออกแบบสปาด้วยหลอดไฟที่สามารถปรับแสงสว่างได้ แสงสว่าง เป็นองค์ประกอบที่มีความละเอียดอ่อนแต่ทว่าสามารถให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างมากสำหรับการออกแบบสปา เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้หลอดไฟที่สามารถปรับแสงสว่างได้ในการออกแบบ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้การจัดแสงภายในห้องสปาสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ ตามความต้องการในการใช้งานในแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยสื่ออารมณ์และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย และลงตัวกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ การออกแบบสปาให้สามารถเปิดรับแสงจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบรรยากาศของการออกแบบสปาให้มีความปลอดโปร่งและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ออกแบบสปาด้วยแรงบันดาลใจจากการออกแบบในสไตล์ Zen การนำปรัชญาการออกแบบในสไตล์ Zen มาใช้ในการออกแบบสปา ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มความสงบ ความผ่อนคลาย และความเป็นธรรมชาติให้กับการออกแบบสปาได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการออกแบบในสไตล์ Zen จะมุ่งเน้นไปที่ความเรียบง่ายของการเลือกใช้วัสดุและพื้นผิวจากธรรมชาติ หรือการเน้นใช้สีโทนกลาง ๆ ไม่ฉูดฉาด ร่วมกับการเลือกองค์ประกอบของการออกแบบสปาที่ได้แรงบันดาลใจจากความเป็นญี่ปุ่น อาทิ ประตูบานเลื่อน ฉากกั้นโชจิ และเสื่อทาทามิ ที่ไม่เพียงช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแห่งความสงบ แต่ยังสามารถช่วยทำให้การออกแบบสปาของคุณมีความโดดเด่นทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ออกแบบสปาให้สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างเด่นชัด การออกแบบสปาให้สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสของผู้มาใช้บริการได้แบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการกระตุ้นการมองเห็นด้วยการออกแบบสปาที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ทั้งการออกแบบภายในและภายนอก ยกตัวอย่างการแยกสัดส่วนของห้องให้ชัดเจน การเลือกใช้วัสดุหรือของตกแต่งจากธรรมชาติ การกระตุ้นด้วยรสชาติ จากการออกแบบมุมพักผ่อน สำหรับรับประทานอาหารหรือการจิบชาในยามบ่าย การกระตุ้นการได้กลิ่นด้วยกลิ่นของเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย การกระตุ้นการได้ยินด้วยเสียงเพลงสบาย ๆ หรือเสียงน้ำไหล และการกระตุ้นการสัมผัสด้วยวัสดุที่ใช้ออกแบบอาคาร พื้นผิวสัมผัสอาคาร หรือของตกแต่งต่างๆ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำ ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ในการผ่อนคลายที่สปาได้อย่างเต็มที่ จนอยากกลับมาใช้บริการสปาอีกครั้งในอนาคต หากคุณกำลังมองหาบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน รับออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบสปา ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการด้วยโซลูชันการออกแบบที่หลากหลาย ด้วยผลทางการออกแบบตกแต่งภายในที่มีความสวยงามตรงใจตามแบบที่ต้องการ ที่ THE COLLECTIVE STUDIO เราคือบริษัทออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ ที่พร้อมให้บริการด้านการออกแบบและการผลิต ทั้งงานสถาปัตยกรรม รับออกแบบตกแต่งภายใน รับตกแต่งภายใน ออกแบบร้านอาหาร ออกแบบสปา อินทีเรียดีไซน์ กราฟิกและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบครบวงจร เรามีทีมสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ และนักออกแบบมืออาชีพในทุกสาขาวิชา มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบสปาและการรับออกแบบตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูง โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สนใจออกแบบสปา ติดต่อ The Collective Studio บริษัทออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์ Tel. (+66) 094 442 4652 Email : collectivetalk@gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/ Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/ Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK

bottom of page