Updated: Feb 6
ช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงมีอาการโดนปักหมุดรักฉุกเฉินทำพิษติดงอมแงมกันทั่วเมือง
ผมเองก็เป็นอีกคนที๋โดนเข้าไปแบบบังเอิญเปิดมากะดูนิดเดียว
แค่พอให้รู้จักตัวละครเอาไว้คุยกับน้องๆที่ออฟฟิศ
รู้สึกตัวอีกทีก็ยากเกินจะถอนตัวแล้ว
แถมตอนนึงก็ยาวตั้งชั่วโมงครึ่งกว่าจะจบ 16 ตอน
ทำเอาตาบวมเป่งไม่รู้ว่าเพราะร้องไห้ในความซึ้งหรือเพราะอดนอนกันแน่
แต่เมื่อเราหลุดจากบ่วงการติดซีรี่ส์เกาหลีแล้ว
ก็ควรจะได้ประโยชน์อะไรจากการดูครั้งนี้บ้าง
เราจะได้ Move on จากความน่ารักของสหายผู้กอง และยุนเซรี ได้สักที
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในเรื่องนี้คือ Art Direction ที่มีเสน่ห์ สวยงาม และมีรสนิยม
ทั้งในสามสถานที่ ได้แก่ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และสวิสเซอร์แลนด์
และเป็นครั้งหนึ่งที่ถ่ายทอดความเป็นสวิสเซอร์แลนด์ออกมาได้สวย และสงบน่าไปพักผ่อนจริงๆ
ไม่ใช่ดูเวอร์มากไปแบบละครไทย
เราจะเห็นฉากเกาหลีเหนือที่บ้านเมืองดูสวยงามแบบประดิษฐ์นิดนึง
แต่แสดงคาแรคเตอร์ได้อย่างชัดเจน
ทั้งเสื้อผ้า การตกแต่งภายในบ้าน โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ
ที่ดูออกว่าเป็นเกาหลีเหนือตามเท่าที่เคยเห็นในสื่อต่างๆมา
แต่แอบมีดีไซน์เพิ่มขึ้น
และที่เห็นได้ชัดคือการตกแต่งภายในบ้านของแต่ละคนสะท้อนตัวตนของตัวละครได้ดีมาก
เช่น ฉากบ้านของสหายผู้กองรีที่เรียบง่าย มีความ Rustic แต่อบอุ่น
เช่นเดียวกับบ้านของครอบครัว ที่แม้จะดูใหญ่โตขึงขังเป็นทางการแบบทหารระดับสูง
แต่ก็แฝงไว้ถึงความอบอุ่นภายใน
ไม่รู้ว่าผู้อ่านแต่ละคนชอบการตกแต่งภายในของห้องไหนกันบ้าง
ผมขอเลือกหนึ่งห้องเอามาคุยกันวันนี้ละกันนั้นคือ.....
"ห้องทำงานของยุนเซรี"
บางคนอาจจะว่าดูเป็นห้องทำงานที่เวอร์วังไปนิด
แต่ผมว่าเป็นห้องทำงานที่บอกตัวตนลึกๆได้ดีมาก
ถ้าถามว่าเค้าเรียกงานตกแต่งภายในแบบนี้ว่าอะไรกันเรียกให้ดูเก๋ๆก็คือ
Eclectic Style Interior เป็นการตกแต่งภายใน
โดยการหยิบเอาสิ่งของที่หลากหลายมาตกแต่งห้อง
ทั้งในแง่ของสี รูปทรง สไตล์ และองค์ประกอบ
โดยให้เกิดความรู้สึกต่างกัน แต่อยู่ด้วยกันได้
การตกแต่งห้องทำงานของยุนเซรี
เลือกใช้การตกแต่งหลักด้วยวัสดุธรรมชาติเช่น ไม้ ปูน Texture
ตกแต่งฝ้าเป็นโครงไม้ แบบ Rustic มีช่องแสงธรรมชาติเข้ามาภายใน
แบบมีนัยยะว่าพื้นฐานเป็นคนเรียบง่ายจิตใจอ่อนโยน เป็นคนอบอุ่น
แต่ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสัน แสดงความเป็นเจ้าสังคม
ตกแต่งด้วยวัสดุที่มันวาว เพื่อแสดงถึงความมีฐานะที่จะต้องเลือกของที่ดี และแพง
และการเอากระบองเพชรมาเป็นผนังหลังโต๊ะทำงานนี่
เป็นจุดหลักที่จะบอกว่าตัวเธอเองจริงแล้วก็เป็นคนจิตใจบอบบาง
เลยต้องมีหนามแหลมคมไว้ป้องกันตัวเอง
เพื่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งในสายตาคนรอบข้าง
ซึ่งผมชอบจุดนี้มาก
มองว่าคนออกแบบเลือกองค์ประกอบต่างๆมาใช้
เพราะมีความตั้งใจที่จะสื่อสารผ่านงานตกแต่งภายใน
เพราะในส่วนอื่นๆของสำนักงานมีลักษณะโมเดิร์นทั้งหมด
ไม่ว่า โถงต้อนรับ ห้องประชุม โถงลิฟต์ และทางเดินต่างๆ
ซึ่งถ้าห้องทำงานของยุนเซรีมีลักษณะโมเดิร์น
คงไม่สามารถสื่อนิสัยของตัวละครเจ้าของห้องได้
สังเกตได้อีกอย่างว่าช่วงต้นเราจะยังไม่ได้เห็นบรรยากาศของห้องนี้มากนัก
จะเห็นแค่การนั่งประชุมในบางมุม หรือเป็นช่วงกลางคืน
แต่เราจะเริ่มเห็นบรรยากาศห้องเต็มๆตอนหลังๆ
ที่ได้เริ่มเปิดเผยตัวตนของยุนเซรีอีกด้านออกมาแล้ว
ผมว่าการออกแบบตกแต่งภายในห้องทำงานที่มีเสน่ห์ของยุคนี้
คงไม่ได้เพียงแค่จะบอกว่าทำในสไตล์ไหนจะสวย จะดูทันสมัย
แต่สิ่งสำคัญคือ
"การตกแต่งนั้นแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าของห้องได้ดีแค่ไหน"
คุณคิดว่าอยากให้ห้องทำงานตัวเองควรมีอะไรเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวคุณบ้างครับ
สนใจบริการตกแต่งภายใน ติดต่อ The Collective Studio
รับออกแบบตกแต่งภายในและอินทีเรียดีไซน์สะท้อนตัวตนของคุณ
Tel. (+66) 094 442 4652
Email : collectivetalk@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/TheCollectiveStudio/
Instagram : https://www.instagram.com/thecollectivestudio/
Youtube : https://www.youtube.com/thecollectivestudio
Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thecollectivestudio
ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่